ลดเค็ม ลดโรค – World Salt Awareness Week

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบทานอาหารรสจัด กินก๋วยเตี๋ยวต้องปรุงน้ำปลาเพิ่ม หรือทานอาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋องเป็นประจำ คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่ได้รับเกลือโชเดียมเกินโดยไม่รู้ตัวอยู่ก็ได้

เกลือมีส่วนประกอบหลักคือโซเดียมและคลอไรด์ เป็นสารอาหารที่จำเป็นกับร่างกาย ช่วยในการรักษาสมดุลของเหลวและการทำงานต่างๆของเซลล์ในร่างกาย แต่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อยเท่านั้น

ซึ่งถ้าเราได้รับปริมาณโซเดียมที่มากติดต่อกันมากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเราได้ เช่น ทำให้เป็นโรคไต ความดันโลหิตสูง เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดในสมองและนำไปสู่โรคหัวใจได้ เพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคกระดูกพรุน และมะเร็งในช่องท้อง ด้วยเช่นกัน

องค์การอนามัยโลก แนะนำปริมาณโซเดียมสูงสุดที่บริโภคคือไม่ควรเกิน 2000 มิลลิกรัม หรือเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา หรือ 5 กรัมเท่านั้น แต่เชื่อหรือไม่ว่า ปริมาณเฉลี่ยที่คนทั่วโลกบริโภคนั้นอยู่ที่ 8-15 กรัมต่อวัน และปริมาณที่คนไทยบริโภคเกินมาตราฐานถึง 2 เท่าเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้องค์การอนามัยโลกจึงกำหนดให้มี World Salt Awareness Week ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม ของทุกปี เพื่อให้คนทั่วโลกตระหนักถึงอัตราการบริโภคเค็มที่เพิ่มมากขึ้น

ซึ่งส่งผลต่อ ปัญหาสุขภาพของประชากรโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ และในปีนี้ได้จัดกิจกรรมนี้ในวันที่ 4 – 11 มีนาคม 2562 เราจึงขอเสนอวิธีการง่ายๆที่จะช่วยให้คุณสามารถลดการทานเค็มลง เพื่อสุขภาพที่ดีห่างไกลโรคค่ะ

วิธีการลดเค็มแบบง่ายๆ

1. เวลาปรุงอาหาร ต้องค่อยๆลดปริมาณเกลือลง ในตอนแรกอาจจะรู้สึกว่ารสชาติอาหาร ไม่ค่อยถูกปากนั่นเป็นเพราะต่อมรับรสต้องอาศัยเวลาในการปรับตัวแต่เมื่อปรับตัวได้แล้ว ก็จะทำให้เราเป็นคนที่ ไม่ติดในรสชาติเค็มมากเกินไป

 

2.ใช้เครื่องปรุงประเภทอื่น เพื่อเพิ่มรสชาตินอกจากการใช้เกลือเช่นอาจจะใส่ สมุนไพรเครื่องเทศ หรือกระเทียม เพิ่มลงไปในอาหารแทน บางครั้งปริมาณเกลือที่มากเกินไปก็มาในรูปแบบของ ซอสปรุงรสต่างๆ วิธีการหลีกเลี่ยงที่ง่ายคือ นำเกลือและซอสเหล่านั้น ออกจากโต๊ะทานอาหารไปเลย เพื่อปรับ พฤติกรรม การ ปรุงรสเค็มเพิ่ม

 

3.เวลาที่เราต้องไปซื้อ ของมารับประทานจากร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต ให้เช็คข้อมูลด้านโภชนาการจากฉลากอาหาร ก่อนซื้อทุกครั้ง ถ้าจำเป็นต้องบริโภคอาหารกระป๋อง ไม่ว่าจะเป็นผักกระป๋องหรือถั่วกระป๋อง ให้น้ำออกมาล้างน้ำเพื่อเจือจางโซเดียมเสียก่อน แต่จะให้ดีเน้นการรับประทานผักและผลไม้สดที่ไม่ผ่านการ ปรุงหรือบรรจุใน บรรจุภัณฑ์ จะดีที่สุด

การลดกินเค็มอาจจะดูยากและต้องฝืนใจในการเริ่มต้น แต่เมื่อเราคิดถึงผลลัพท์เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว ก็จะทำให้มีกำลังใจมากขึ้น ค่อยๆเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้ และเมื่อเรามีสุขภาพดี ลดเค็มได้แล้วอย่าลืมส่งต่อให้กับคนรอบข้าง เพื่อสุขภาพที่ดีของคนที่เรารักด้วยนะคะ

Related Posts