สาระเพื่อสุขภาพ และชีวิต

Food

ทำความรู้จักกับต้นอ่อนข้าวสาลี พืชมากประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้าม!

เมื่อการดูแลสุขภาพกำลังกลายเป็นกระแสนิยมของผู้คนในสังคมเมืองมากขึ้น ทั้งการดูแลรูปร่าง การออกกำลังกาย และในเรื่องอาหารการกินที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ

ดังจะเห็นได้จากเมนูอาหารมากมายที่มีขายในร้านอาหารและท้องตลาด เริ่มมีการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะร้านอาหารบางแหล่งยังเปิดเป็นร้านเพื่อสุขภาพโดยตรงอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ที่เห็นในห้างสรรพสินค้าก็เริ่มหันมาดึงจุดขายกันที่การดูแลสุขภาพเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับประโยชน์ที่มาจากพืชสมุนไพรมากมายกำลังกลายเป็นสินค้ายอดนิยมที่ทำรายได้ให้กับผู้ผลิตได้เป็นอย่างดี

ต้นอ่อนข้าวสาลี” หนึ่งในทางเลือกเพื่อสุขภาพที่กำลังมาแรง และเพิ่งจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเมื่อไม่นานมานี้

ปัจจุบันพืชชนิดนี้ได้ถูกนำเอาไปแปรรูปอย่างหลากหลายเพื่อใช้ในการรับประทาน ถือว่าเป็นพืชที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ทางอาหาร เหมาะสำหรับการบำรุงร่างกายทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ให้ความปลอดภัยต่างจากการรับประทานอาหารเสริม

ที่สำคัญไปกว่านั้น ตอนนี้มันกำลังกลายเป็นสินค้าอันดับต้นๆ ที่มียอดจำหน่ายสูงในท้องตลาด และเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้รักสุขภาพอีกด้วยค่ะ

ทำความรู้จักกับต้นข้าวสาลีกันก่อน

ต้นอ่อนข้าวสาลี 1

ต้นข้าวสาลี ในอดีตนิยมเพาะปลูกกันเป็นอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา จีน แคนาดา และประเทศรัสเซีย ส่วนในประเทศไทยนั้นมีการเพาะปลูกบ้างประปรายไม่มากนัก จนกระทั่งในปัจจุบันที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นทำให้ต้นข้าวสาลีเริ่มถูกนำมาปลูกในกลุ่มผู้ผลิตอาหารเพื่อสุขภาพ

ลักษณะของต้นขาวสาลีจัดอยู่ในประเภทของพืชล้มลุก เมื่อโตแล้วจะแตกขึ้นเป็นกอคล้ายต้นหญ้าเรียงตัวกันอย่างแน่นหนา มีข้อและป้องประมาณ 3-7 ปล้อง ลำต้นเรียบ มีสีเขียวเข้มเมื่อโตเต็มที่แล้ว มีอายุราวๆ 1 ปี ความสูงโดยประมาณอยู่ที่ 40-150 เซนติเมตร สามารถเพาะปลูกได้ง่ายด้วยการเพาะเมล็ด เพียงแค่หว่านลงดินและรดน้ำ ไม่นานต้นอ่อนก็จะงอกขึ้นมาเป็นส่วนที่เรานำเอามารับประทานในปัจจุบันนั่นเอง

เมื่อโตเต็มที่ลักษณะของใบจะมีทั้งเรียบและแบบมีขน มีดอกเป็นช่อสีเหลืองอ่อนขนาดเล็ก เรียงตัวเป็นสองแถวส่วนของแกนกลางจะหยักไปมา มีความยาวโดยประมาณอยู่ที่ 5-15 เซนติเมตร ส่วนผลของต้นข้าวสาลีจะมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือกระสวย เราสามารถนำเอาส่วนของรำข้าวสาลี จมูกข้าวสาลี และเมล็ดข้าวสาลี มารับประทานเป็นอาหารที่ให้คุณประโยชน์สูงได้

ต้นอ่อนข้าวสาลี (Wheat grass)

ต้นอ่อนข้าวสาลีคือส่วนของต้นที่เพิ่งจะงอกจากเมล็ดได้ไม่นาน ใช้เวลาในการงอกประมาณ 1 อาทิตย์ ก็จะสามารถนำเอามารับประทานได้ โดยการนำมาคั้นเพื่อให้ได้ส่วนของน้ำสีเขียวสด (Wheat grass juice)

ในปัจจุบันนอกจากจะมีการคั้นขายกันแบบสดๆ โดยมีเครื่องมือในการคั้นออกวางจำหน่าย หรือคั้นใส่ขวดขาย ก็ยังมีการแปรรูป โดยนำเอาไปทำเป็นผงชงดื่มกับน้ำหรือแม้กระทั่งเป็นการนำเอาไปอัดเม็ดเป็นแคปซูลเพื่อให้สามารถรับประทานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

สารอาหารที่ได้จากส่วนของน้ำที่คั้นมาจากต้นอ่อนข้าวสาลีในระยะนี้ จะอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารสูง โดยเฉพาะคลอโรฟิลล์ ซึ่งมีสูงถึง 70 เปอร์เซ็น ส่วนอื่นๆ ที่พบจะเป็นวิตามินซี วิตามินเอ และวิตามินอี รวมไปถึงแร่ธาตุอื่นๆ ในอัตราส่วนน้อยอีกเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายมากกว่าสิบชนิด ที่จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้แข็งแรงและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังที่มักพบได้บ่อยในปัจจุบัน

การเพาะปลูกต้นอ่อนข้าวสาลี

หากใครที่ต้องการดูแลสุขภาพ นอกจากซื้อหาเป็นเครื่องดื่มหรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปมารับประทาน เรายังสามารถเพาะปลูกด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ และใช้เวลาไม่นานก็จะได้น้ำต้นอ่อนข้าวสาลีมาดื่มกันแบบสดๆ หรือจะหาซื้อเป็นชุด kit ที่มีวางจำหน่ายทั้งถาด ดิน และเมล็ดเอาไว้ให้เพาะปลูกกันแบบสบายๆ โดยทั่วไปประเภทของเมล็ดที่นำมาเพาะปลูกมีทั้งชนิดข้าวสาลีเมล็ดแข็งและเมล็ดอ่อน

เริ่มต้นการเพาะเมล็ด โดยนำเอาเมล็ดต้นข้าวสาลีที่เตรียมไว้นำมาแช่น้ำที่ปราศจากคลอรีนทิ้งเอาไว้ 24 ชั่วโมง เตรียมกระถางหรือตะกร้าที่ต้องการใช้เป็นที่เพาะปลูก หว่านเมล็ดที่ได้ลงไปให้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ แนะนำว่าวัสดุปลูกที่ใช้ไม่ควรให้เกิดน้ำขัง เพราะอาจจะทำให้ส่วนของรากเน่า จากนั้นให้ทำการรดน้ำธรรมดา ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการผสมปุ๋ยใดๆ ลงไป เมื่อฉีดจนชื้นได้ที่แล้วให้ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปิดทับไว้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อช่วยกักเก็บความชื้นให้เมล็ดสามารถเจริญเติบโตได้ไวขึ้น ให้ทำการฉีดพ่นน้ำเช่นนี้ทุกวันลงไปบนเมล็ดทุกวัน แล้วปิดทับด้วยหนังสือพิมพ์เช่นเดิมจนกระทั่งเห็นส่วนของต้นอ่อนงอกออกมาจึงค่อยนำเอาหนังสือพิมพ์ออก

ให้ทำการรดน้ำเช่นเดิมด้วยวิธีพ่นฝอย ระวังอย่าให้ต้นอ่อนชื้นเกินไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเชื้อรา รดน้ำเช่นนี้ทุกๆ วัน จนกระทั่งต้นอ่อนเริ่มผลิใบ ซึ่งจะเป็นใบส่วนที่สองออกมา ใช้เวลาประมาณ 7-10 วันจะมีความสูงประมาณ 8 นิ้ว ให้ตัดออกและนำมาคั้นเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพได้ เพราะหากทิ้งเอาไว้นานกว่านี้ตัวใบจะโตมากและเริ่มมีความหยาบแข็งหรือบางส่วนก็จะเริ่มมีขนงอกออกมา ไม่เหมาะต่อการนำเอามารับประทานเท่าใดนัก หลังจากที่ตัดไปแล้วยังสามารถรดน้ำต่อไป จะได้ส่วนของใบอ่อนรอบที่สองมาใช้ในการคั้นน้ำได้อีกครั้ง

การคั้นน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีด้วยตัวเอง

หลักสำคัญของการคั้นน้ำต้นอ่อนข้าวสาลีที่ถูกต้องคือไม่ควรเลือกใช้เครื่องปั่นที่มีความเร็วของใบมีดสูงเกินไป ซึ่งจะไปกระตุ้นให้น้ำที่คั้นออกมาเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ส่งผลให้คุณค่าทางอาหารลดลง ทางที่ดีควรใช้เครื่องคั้นพิเศษที่มีวางจำหน่ายสำหรับคั้นน้ำต้นอ่อนโดยเฉพาะจะดีกว่าค่ะ ส่วนน้ำที่ได้ควรดื่มทันทีโดยไม่ให้เกิน 15-30 นาที เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียวิตามิน ส่วนการเก็บใบสดที่ตัดแล้ว ให้นำใส่ถุงซิปล็อค แช่ตู้เย็นเอาไว้ได้ไม่เกิน 3 วัน

ส่วนการดื่มให้ดื่มประมาณ 1 ใน 4 ของแก้ว ก่อนอาหารสำหรับคนทั่วไปที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ เพียงแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น ส่วนในผู้ป่วยสามารถเพิ่มปริมาณเป็น 2-3 ครั้งต่อวันได้เพื่อช่วยบำรุงร่างกายและลดอาการข้างเคียงของโรค บางรายหากดื่มมากเกินไปอาจจะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ได้ ทางที่ดีลองผสมกับน้ำมะนาวและน้ำผึ้งสักเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติให้ดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนที่ต้องห้ามในผู้ป่วยบางรายที่ต้องได้รับยาปฏิชีวนะ หรืออยู่ในช่วงของการให้คีโมหรือสตรีที่มีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงและปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัย

ประโยชน์จากต้นอ่อนข้าวสาลี

ประโยชน์จากต้นอ่อนข้าวสาลี ซึ่งผ่านการวิจัยจากข้อมูลต่างประเทศพบว่ามันอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุและคลอโรฟิลล์ในปริมาณสูงมาก อีกทั้งยังมีความปลอดภัยต่อร่างกาย ถือว่าเป็นยาจากธรรมชาติที่มากด้วยคุณค่าทางอาหาร หากเปรียบเทียบง่ายๆ กับการดื่มน้ำจากต้นอ่อนข้าวสาลี 30 มิลลิลิตร จะเทียบเท่ากับกับการที่เราได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์จากผักถึง 1 กิโลกรัม

สารอาหารที่มีจะเข้าไปต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ยับยั้งการเกิดของเชื้อแบคทีเรีย บำรุงสมอง ลดการเกิดไขมันในเส้นเลือดอุดตัน กระตุ้นการไหลเวียนของระบบเลือด ลดปริมาณไขมันเลวและคลอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับที่สมดุล ที่สำคัญผู้ป่วยเบาหวานยังสามารถดื่มเพื่อช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินในผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจางให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้

เห็นประโยชน์อันมากมายของต้นอ่อนข้าวสาลีกันแล้ว สำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพตนเองอาจจะลองหาพืชชนิดนี้มาลองรับประทานเพื่อเป็นทางเลือกที่ดี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและห่างไกลจากความเจ็บป่วย อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ที่มาจากธรรมชาติ จึงแทบจะไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงที่จะมาจากสารตกค้างเหมือนอาหารเสริมแคปซูลที่เป็นสารเคมีอีกด้วยค่ะาีความหยาบแข็งหรือบางส่วนก็จะเริ่มมีขนงอกออกม้าด้ เพราะหากทิ้งเอาไว้นานกว่านี้ตัวใบจะโตมากและเริ่มมีความหยาบแข็ง