updated: 5/2568
ร่างกายของเรามีการสร้าง “สารอนุมูลอิสระ” (Free Radicals) ตลอดเวลาจากกระบวนการเผาผลาญ และยังได้รับเพิ่มจากปัจจัยภายนอก เช่น มลภาวะ แสงแดด ความเครียด การสูบบุหรี่ หากมีสารอนุมูลอิสระสะสมในปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายจะจัดการได้ จะเกิดภาวะ “เครียดออกซิเดชัน” (Oxidative Stress) ซึ่งจะทำลายเซลล์ DNA โปรตีน และไขมัน นำไปสู่การเสื่อมของเซลล์ ความชรา และเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง และโรคทางสมอง [1, 2]
“สารต้านอนุมูลอิสระ” (Antioxidants) คือสารที่ช่วยยับยั้งหรือต่อต้านการทำงานของสารอนุมูลอิสระเหล่านี้ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ร่างกายสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้เองส่วนหนึ่ง แต่การได้รับจากอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่ง บทความต้นฉบับ (เผยแพร่ 16.06.2557) ได้แนะนำอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งเราสามารถนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาขยายความให้เข้าใจถึงคุณประโยชน์ได้ชัดเจนขึ้น ดังนี้
1. มะขามป้อม (Indian Gooseberry / Amla):
- สารสำคัญ: แม้จะขึ้นชื่อเรื่องวิตามินซีที่สูงมาก แต่มะขามป้อมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังอื่นๆ อีกหลายชนิด โดยเฉพาะกลุ่มแทนนิน (Tannins) เช่น Emblicanin A และ B และสารกลุ่มโพลีฟีนอล (Polyphenols) ซึ่งทำให้มะขามป้อมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยรวมสูงมาก [3, 4]
- ประโยชน์: วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย มีงานวิจัยเบื้องต้นบ่งชี้ถึงฤทธิ์ต้านการอักเสบ และอาจมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด [3, 4]
2. น้ำมันมะกอก (Olive Oil – โดยเฉพาะ Extra Virgin):
- สารสำคัญ: ควรเลือกใช้ “น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น” (Extra Virgin Olive Oil – EVOO) ซึ่งผ่านกระบวนการน้อยที่สุด จึงคงสารต้านอนุมูลอิสระไว้ได้มากที่สุด ได้แก่ วิตามินอี และสารกลุ่มโพลีฟีนอล เช่น Oleuropein และ Hydroxytyrosol นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA) สูง โดยเฉพาะกรดโอเลอิก (Oleic Acid) [5, 6]
- ประโยชน์: โพลีฟีนอลและวิตามินอีช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ส่วนกรดโอเลอิกมีส่วนช่วยในการปรับปรุงระดับไขมันในเลือด (ลด LDL หรือไขมันไม่ดี และอาจเพิ่ม HDL หรือไขมันดี) ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด [5, 6] การนำมาผสมในน้ำสลัดหรือใช้ปรุงอาหารที่ไม่ผ่านความร้อนสูงจะช่วยรักษาสารสำคัญเหล่านี้ได้ดี
3. แครอท (Carrots – แหล่งเบต้าแคโรทีน):
- สารสำคัญ: สีส้มสดของแครอทมาจากสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) โดยเฉพาะ “เบต้าแคโรทีน” (Beta-carotene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และยังเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ (Provitamin A) ที่ร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอตามความต้องการ [7, 8]
- ประโยชน์: เบต้าแคโรทีนช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ วิตามินเอที่ได้จากการเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพดวงตา การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และการบำรุงรักษาผิวหนังให้แข็งแรง [7, 8]
4. ถั่วเหลือง (Soybeans – แหล่งไอโซฟลาโวน):
- สารสำคัญ: ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองเป็นแหล่งของ “ไอโซฟลาโวน” (Isoflavones) เช่น Genistein และ Daidzein ซึ่งจัดเป็น ไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens) หรือสารจากพืชที่มีโครงสร้างและการออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน และยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ [9, 10]
- ประโยชน์: ไอโซฟลาโวนอาจช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับวัยหมดประจำเดือน (Menopause) เนื่องจากฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนอย่างอ่อนๆ และมีงานวิจัยบ่งชี้ว่าอาจมีส่วนช่วยในการรักษาความหนาแน่นของมวลกระดูก ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน นอกจากนี้ ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระยังช่วยปกป้องเซลล์โดยรวม [9, 10] (งานวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างถั่วเหลืองกับมะเร็งบางชนิดยังคงดำเนินอยู่และมีความซับซ้อน)
5. มะเขือเทศ (Tomatoes – แหล่งไลโคปีน):
- สารสำคัญ: สีแดงสดของมะเขือเทศ (รวมถึงมะเขือเทศเชอรี่) มาจากสาร “ไลโคปีน” (Lycopene) ซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์อีกชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ร่างกายจะดูดซึมไลโคปีนได้ดีขึ้นเมื่อมะเขือเทศผ่านความร้อนและมีไขมันเป็นส่วนประกอบเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ [11, 12]
- ประโยชน์: ไลโคปีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ มีงานวิจัยหลายชิ้นเชื่อมโยงการบริโภคไลโคปีนกับการลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก และอาจมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด [11, 12]
สรุป:
การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างหลากหลายเป็นประจำ เช่น ผัก ผลไม้ (มะขามป้อม แครอท มะเขือเทศ) ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่วต่างๆ (ถั่วเหลือง) และไขมันดี (น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น) เป็นหัวใจสำคัญในการต่อสู้กับภาวะเครียดออกซิเดชัน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมสุขภาพที่ดีในระยะยาว การเลือกทานอาหารจากธรรมชาติเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระมักให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าการทานในรูปแบบอาหารเสริม
เอกสารอ้างอิง (References):
- Lobo, V., Patil, A., Phatak, A., & Chandra, N. (2010). Free radicals, antioxidants and functional foods: Impact on human health. Pharmacognosy reviews, 4(8), 118–126. doi:10.4103/0973-7847.70902
- Pizzino, G., Irrera, N., Cucinotta, M., Pallio, G., Mannino, F., Arcoraci, V., Squadrito, F., Altavilla, D., & Bitto, A. (2017). Oxidative Stress: Harms and Benefits for Human Health. Oxidative medicine and cellular longevity, 2017, 8416763. doi:10.1155/2017/8416763
- Baliga, M. S., & Dsouza, J. J. (2011). Amla (Emblica officinalis Gaertn), a wonder berry in the treatment and prevention of cancer. European journal of cancer prevention, 20(3), 225–239. doi:10.1097/CEJ.0b013e32834473f4
- Gopa, B., Bhatt, J., & Hemavathi, K. G. (2012). A comparative clinical study of Emblica officinalis (Amla) and Shankha bhasma in Anmlapitta (Hyperacidity). Ayu, 33(2), 282–286. doi:10.4103/0974-8520.105256 (Discusses antioxidant properties in context of traditional use)
- Ghanbari, R., Anwar, F., Alkharfy, K. M., Gilani, A. H., & Saari, N. (2012). Valuable nutrients and functional bioactives in different parts of olive (Olea europaea L.)-a review. International journal of molecular sciences, 13(3), 3291–3340. doi:10.3390/ijms13033291
- Beauchamp, G. K., Keast, R. S., Morel, D., Lin, J., Pika, J., Han, Q., Lee, C. H., Smith, A. B., 3rd, & Breslin, P. A. (2005). Phytochemistry: ibuprofen-like activity in extra-virgin olive oil. Nature, 437(7055), 45–46. doi:10.1038/437045a (Discusses Oleocanthal, another polyphenol)
- Grune, T., Lietz, G., Palou, A., Ross, A. C., Stahl, W., Tang, G., Thurnham, D., Yin, S. A., & Biesalski, H. K. (2010). Beta-carotene is an important vitamin A source for humans. The Journal of nutrition, 140(12), 2268S–2285S. doi:10.3945/jn.109.119024
- Tan, B. L., & Norhaizan, M. E. (2019). Carotenoids: How effective are they to prevent skin aging?. Molecules (Basel, Switzerland), 24(9), 1797. doi:10.3390/molecules24091797
- Messina, M. (2016). Soy and Health Update: Evaluation of the Clinical and Epidemiologic Literature. Nutrients, 8(12), 754. doi:10.3390/nu8120754
- Wei, P., Liu, M., Chen, Y., & Chen, D. C. (2012). Systematic review of soy isoflavone supplements on osteoporosis in women. Asian Pacific journal of tropical medicine, 5(3), 243–248. doi:10.1016/S1995-7645(12)60033-9
- Story, E. N., Kopec, R. E., Schwartz, S. J., & Harris, G. K. (2010). An update on the health effects of tomato lycopene. Annual review of food science and technology, 1, 189–210. doi:10.1146/annurev.food.102308.124120
- Imran, M., Ghorat, F., Ul-Haq, I., Ur-Rehman, H., Aslam, F., Rauf, A., … & Rebezov, M. (2020). Lycopene as a natural antioxidant used to prevent human health disorders. Antioxidants, 9(9), 807. doi:10.3390/antiox9090807