น้ำผึ้ง คุณประโยชน์ที่เหนือกว่าความหวาน

น้ำผึ้งนอกจากจะมีรสชาติหวาน สามารถเพิ่มความอร่อยให้กับอาหารและเมนูขนม ตลอดจนเครื่องดื่มต่างๆ ได้ดีแล้ว

ประโยชน์ของน้ำผึ้งก็ยังมีอีกมากมายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียว นั่นก็เพราะในน้ำผึ้งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนั่นเอง

ซึ่งประโยชน์ของน้ำผึ้งจะมีอะไรบ้างและควรทานอย่างไรเพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด โดยไม่เกิดผลเสีย เรามาดูคำตอบกัน

การทานน้ำผึ้งให้อร่อยและได้ประโยชน์

ก่อนจะไปรู้จักกับประโยชน์ของน้ำผึ้ง เรามาทำความเข้าใจกับการทานน้ำผึ้งให้อร่อยและได้ประโยชน์อย่างสูงสุดกันก่อนดีกว่า ซึ่งก็มีวิธีการทานดังนี้ค่ะ

1.ทานก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง

การทานน้ำผึ้ง ควรทานก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการดูดซึมสารอาหารในกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี หรือหากทานก่อนนอนก็จะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยวิธีการทานให้ผสมน้ำผึ้งในน้ำอุ่นเล็กน้อย จากนั้นจิบเรื่อยๆ จนหมดแก้ว เท่านี้ก็ได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด

2.ใช้แทนน้ำตาล

ทานน้ำผึ้งโดยนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ด้วยการใส่น้ำผึ้งลงไปในกาแฟ น้ำผลไม้ ใส่ในอาหารบางชนิดหรือใช้ทาขนมปังแทนแยม ซึ่งนอกจากจะได้รสชาติที่อร่อยโดนใจแล้วก็ไม่ทำให้อ้วนหรือเสี่ยงเบาหวานอีกด้วย แต่อย่างไรก็ไม่ควรใส่มากกินไป เพราะน้ำผึ้งเมื่อทานมากก็อาจก่อให้เกิดโทษเช่นกัน

สารพัดประโยชน์จากน้ำผึ้ง

สำหรับประโยชน์ของน้ำผึ้ง ต้องบอกเลยว่ามีมากมายจนหลายคนอาจคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ซึ่งเราก็ได้รวบรวมประโยชน์เด่นๆ จากน้ำผึ้งมาฝากกันดังนี้

1.เพิ่มความสดชื่น

น้ำผึ้งมีส่วนช่วยในการเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะหลังตื่นนอนตอนเช้าและช่วงบ่ายที่กำลังรู้สึกอ่อนเพลียจากการทำงาน โดยให้นำน้ำผึ้งมาผสมกับน้ำอุ่น จิบเรื่อยๆ หรือหากรู้สึกเบื่อก็อาจเปลี่ยนเป็นผสมในเครื่องดื่มชนิดอื่น อย่างเช่นน้ำผลไม้แทนก็ได้

2.บำรุงผิว

น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง สดใสและดูเนียนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งอาจบำรุงด้วยการทานหรือนำมาผสมกับสมุนไพรอื่นๆ ทำเป็นครีมพอกหน้าก็ได้ ยกตัวอย่างสูตรผิวสวยจากน้ำผึ้งดังนี้ค่ะ

[alert-announce]

สูตรที่ 1 เติมความชุ่มชื้นให้ผิว

วิธีทำ นำกล้วยหอม ½ ลูก มาบดให้ละเอียดและผสมกับน้ำผึ้ง คนให้เข้ากันจากนั้นนำมาทาให้ทั่วใบหน้าพอกทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด สามารถทำได้บ่อยครั้งตามต้องการ เพียงทำเป็นประจำก็จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่สัปดาห์แรกทันที

 

สูตรที่ 2 ทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก

สูตรนี้จะใช้น้ำผึ้งพอกหน้าเพียวๆ เพียงนำน้ำผึ้งมาพอกลงบนใบหน้าจนทั่ว ปล่อยไว้ประมาณ 20-30 นาที จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด สามารถพอกหน้าด้วยน้ำผึ้งได้เป็นประจำทุกวัน คุณสมบัติของน้ำผึ้งจะทำหน้าที่ดูดซับสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนและผิวหน้าให้เกลี้ยงเกลา ผิวจึงสะอาดใส ไร้สิว ป้องกันการเกิดสิวได้ดี ในขณะเดียวกัน ยังบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและเนียนนุ่มขึ้นได้อีกด้วย เหมาะสำหรับสาวที่มีปัญหาผิวแห้งเช่นกัน

 

สูตรที่ 3 รักษาสิว น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติในการรักษาสิว

โดยจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และลดการอักเสบสิวได้ สิวก็จะหายเร็วขึ้นนั่นเอง สำหรับสูตรนี้ให้นำน้ำผึ้งมาผสมกับผงอบเชยในอัตราส่วนเท่ากัน แล้วนำมาแต้มสิวหรือจะพอกหน้าให้ทั่ว ปล่อยไว้ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด อบเชยก็เป็นสมุนไพรที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของสิวได้ เมื่อนำสองตัวยานี้มาผสมผสานกันก็จะยิ่งช่วยให้สิวยุบตัวลงเร็ว และหายเร็วขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ[/alert-announce]

3.ใส่ในน้ำสลัดเพื่อกันบูด

สำหรับใครที่ทำน้ำสลัดขาย และต้องเก็บไว้เป็นเวลานานหลายเดือน สามารถใช้น้ำผึ้งแทนสารกันบูดได้ โดยให้นำน้ำผึ้งมาผสมลงไปในน้ำสลัดเล็กน้อย เท่านี้ก็ไม่ต้องกังวล ซึ่งพบว่าน้ำผึ้งจะช่วยให้น้ำสลัดสามารถเก็บไว้ได้อย่างยาวนานถึง 9 เดือนเลยทีเดียว แถมยังช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยและหอมน่าทานกว่าเดิมอีกด้วย

4.รักษาอาการหวัด

เมื่อป่วยด้วยไข้หวัด การทานน้ำผึ้งผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้วเป็นประจำทุกเช้าหรือก่อนนอน จะช่วยรักษาอาการหวัดให้หายเร็วขึ้น หรือในคนที่มีอาการไอ เจ็บคอร่วมด้วย การจิบน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งบ่อยๆ ก็จะช่วยลดอาการไอได้ดีเหมือนกัน แต่ถ้าอยากได้ความชุ่มคอ แนะนำให้ผสมน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย ก็จะทำให้รู้สึกดีขึ้น แถมน้ำมะนาวยังช่วยกระตุ้นความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ก็จะบรรเทาลงได้อย่างมาก

5.รักษาโรคเบาหวาน

เมื่อป่วยด้วยโรคเบาหวาน แพทย์จะห้ามไม่ให้ทานน้ำตาลหรืออาหารที่มีรสชาติหวานเด็ดขาด แต่สำหรับน้ำผึ้งถือเป็นข้อยกเว้นอย่างหนึ่ง เพราะน้ำผึ้งสามารถรักษาอาการป่วยเบาหวานได้ดี เพียงแค่นำน้ำผึ้ง 250 กรัม มาผสมกับสาลี่หอมที่ตำละเอียดแล้ว 5 ลูก จากนั้นต้มจนเหนียวแล้วนำมาผสมกับน้ำดื่มเป็นประจำ ก็จะทำให้อาการป่วยเบาหวานค่อยๆ ทุเลาลงและหายเร็วยิ่งขึ้นเมื่อทำการรักษาควบคู่ไปกับการรักษาทางแพทย์

6.แก้อาการท้องผูก

หากใครมีอาการท้องผูกบ่อยๆ ไม่จำเป็นต้องทานยาระบายให้เสี่ยงต่อสุขภาพ เพราะน้ำผึ้งก็มีฤทธิ์ที่จะช่วยแก้อาการท้องผูกได้เหมือนกัน โดยให้นำกล้วยน้ำว้าสุกมาจิ้มน้ำผึ้งแล้วทานตามปกติ แนะนำให้ทานเป็นประจำในตอนเช้าหลังตื่นนอน แล้วอาการท้องผูกจะไม่มากวนใจอย่างแน่นอน แถมยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย

7.ช่วยลดความอ้วน

หลายคนอาจคิดว่าน้ำผึ้งมีรสชาติหวาน ซึ่งจะทำให้อ้วนได้ แต่ความจริงแล้วความหวานของน้ำผึ้งไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดความอ้วนอย่างที่หลายคนคิด แต่ตรงกันข้ามกับช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เพราะความหวานของน้ำผึ้งจะไปลดความอยากน้ำตาลหรือของหวานให้น้อยลง พร้อมช่วยกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญสามารถสลายไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นรูปร่างที่กระชับและน้ำหนักที่ลดลงอย่างน่าพอใจนั่นเอง

8.คลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน

ในวันที่ทำงานเหนื่อยๆ และกำลังรู้สึกอ่อนล้าอย่างหนัก การทานน้ำผึ้งก็จะช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้ดี และสามารถลดความเครียดได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นหนุ่มสาววัยทำงานห้ามพลาดที่จะทานน้ำผึ้งบ่อยๆ เลยเชียว

9.บำรุงหัวใจ

น้ำผึ้งมีส่วนช่วยในการบำรุงหัวใจให้แข็งแรงและสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น เมื่อทานน้ำผึ้งเป็นประจำจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ หัวใจวายและภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากใครไม่อยากป่วยด้วยโรคหัวใจก็ลองทานน้ำผึ้งบ่อยๆ ดูสิ

10.แก้ปัญหาเด็กแหวะนม

เมื่อลูกแหวะนม ก็สามารถแก้ปัญหาด้วยการเอาน้ำผึ้งมาผสมกับนมให้ลูกดื่มได้ ซึ่งจะทำให้รสชาติของนมมีความอร่อยมากถึง จึงทำให้ลูกไม่แหวะนมออกมาแถมยังดื่มนมได้มากกว่าปกติอีกด้วย แต่ให้ผสมเพียงนิดเดียวเท่านั้นเพื่อป้องกันลูกแพ้น้ำผึ้งนั่นเอง

11.รักษาโรคกระเพาะอาหาร

น้ำผึ้งสามารถลดความเป็นกรดในกระเพาะและช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องและทำให้หายเร็วขึ้น แถมเมื่อทานเป็นประจำก็จะทำให้กระเพาะอาหารมีประสิทธิภาพในการย่อยที่ดีกว่าเดิมอีกด้วย

12.แก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบ

ในผู้หญิงที่มีปัญหาช่องคลอดอักเสบ การทานน้ำผึ้งก็จะช่วยแก้ปัญหาได้ดี เพราะน้ำผึ้งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแคนดิดา ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดอาการช่องคลอดอักเสบ จึงทำให้อาการทุเลาลงและค่อยๆ หายเป็นปกติในที่สุด นอกจากนี้ก็สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียบริเวณช่องคลอดได้เช่นกัน

13.ช่วยให้นอนหลับสบาย

เพราะการทานน้ำผึ้งจะทำให้เกิดความผ่อนคลายและช่วยลดความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี จึงสามารถแก้อาการนอนไม่หลับได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแค่ผสมน้ำผึ้งในน้ำอุ่น จากนั้นจิบเรื่อยๆ ก่อนนอนประมาณ 30 นาที หรือจะผสมในน้ำนมแทนก็ได้ เพราะโดยปกติแล้ว นมอุ่นๆ 1 แก้ว ไม่เพียงแค่ให้โปรตีนสูงเท่านั้น แต่ยังเปี่ยมไปด้วยแคลเซียมและทริปโตเฟนที่จะทำให้นอนหลับง่ายและหลับสบายยิ่งขึ้น เมื่อเราเติมน้ำผึ้งลงไปก็จะยิ่งเท่ากับได้ยานอนหลับชั้นดีจากธรรมชาติสองเท่า เท่านี้ก็ช่วยให้นอนหลับได้อย่างสบายและหลับสนิทตลอดคืนเลยทีเดียว รู้แบบนี้แล้วใครที่มีปัญหานอนไม่หลับบ่อยๆ ลองทานน้ำอุ่นหรือนมผสมน้ำผึ้งก่อนนอนดูสิ

14.ลดการเกิดตะคริว

ตะคริวเป็นอาการที่มักจะเกิดขึ้นได้กับทุกคนและบ่อยครั้ง ซึ่งก็สร้างความทรมานไม่น้อย แม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายก็ตาม แต่ก็สามารถลดการเกิดตะคริวได้ไม่ยาก ด้วยการทานน้ำผึ้งเป็นประจำนั่นเอง โดยไม่ว่าจะทานในรูปแบบของเมนูอาหารหรือเครื่องดื่มก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจทั้งสิ้น

15.ลดการเกิดสิว

นอกจากน้ำผึ้งจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ก็สามารถลดการเกิดสิวได้เหมือนกัน เพียงแค่นำน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะมาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา จากนั้นคนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ 20-30 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด ทำเป็นประจำสิวก็จะยุบและลดการเกิดสิวขึ้นใหม่ได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำให้ขาวกระจ่างใสยิ่งขึ้นอีกด้วย

16.เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

เห็นเป็นน้ำผึ้งที่มีรสชาติหวานๆ แบบนี้ แต่ก็สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีเช่นกัน ซึ่งก็จะทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงสมบูรณ์มากขึ้น พร้อมต้านทานโรคร้ายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นใครที่อยากมีร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากอาการเจ็บป่วย ลองทานน้ำผึ้งเป็นประจำดูสิ

17.ช่วยบำรุงเลือด

อาหารที่สามารถบำรุงเลือดได้ไม่ได้มีแค่ธาตุเหล็กเท่านั้น แต่น้ำผึ้งก็มีส่วนช่วยในการบำรุงเลือดเช่นกัน โดยให้นำน้ำผึ้งประมาณ ½ ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำร้อน เติมน้ำมะนาวลงไป 1 ซีกและเกลืออีกเล็กน้อย คนให้เข้ากันดื่มเป็นประจำวันละ 1 แก้ว เท่านี้ก็จะทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและช่วยบำรุงเลือดในคนที่เป็นโรคโลหิตจางได้ดีที่สุด

18.แก้อาการเมาค้าง

สำหรับใครที่มักจะปาร์ตี้ สังสรรค์ไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ่อยๆ น้ำผึ้งก็เป็นตัวช่วยที่จะพลาดไม่ได้เลยทีเดียว เพราะน้ำผึ้งมีส่วนช่วยในการแก้อาการเมาค้าง ลดอาการปวดหัวและเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมช่วยปรับสมดุลของร่างกายให้คงที่มากขึ้น แค่ดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นและมะนาวเล็กน้อยหลังตื่นนอนเท่านั้น

19.ป้องกันโรคข้ออักเสบ

เมื่ออายุมากขึ้นหรือทำงานที่ต้องยกของหนักๆ ก็มักจะเสี่ยงโรคข้ออักเสบได้สูง ซึ่งก็สามารถป้องกันได้ด้วยการทานน้ำผึ้งเช่นกัน โดยให้นำน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาและแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชามาผสมลงไปในน้ำอุ่น 1 แก้ว ดื่มเป็นประจำทุกวันวันละ 2 ครั้ง อาการข้ออักเสบก็จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน แถมช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลังได้อีกด้วย

20.บำรุงสมอง

นอกจากโอเมก้า 3 ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองแล้ว น้ำผึ้งก็สามารถบำรุงสมองและเสริมสร้างความจำได้เช่นกัน เพราะในน้ำผึ้งอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารมากมายที่จะช่วยบำรุงสมองได้ดี แถมเมื่อทานบ่อยๆ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นมาทานน้ำผึ้งให้มากขึ้นกันเถอะ

[alert-warning]

โทษของน้ำผึ้งหากทานมากเกินไป

 

ถึงแม้ว่าประโยชน์ของน้ำผึ้งจะมีมากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีโทษเหมือนกัน จึงควรทานน้ำผึ้งในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น โดยผลเสียจากการทานน้ำผึ้งมากเกินไปได้แก่

 

เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย นั่นก็เพราะในน้ำผึ้งมีปริมาณของน้ำตาลฟรุกโตสอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งน้ำตาลตัวนี้จะทำให้เกิดปัญหาการดูดซึมในลำไส้ เป็นผลให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้องหรือท้องเสียบ่อยๆ ได้นั่นเอง ดังนั้นการทานน้ำผึ้งในแต่ละครั้งจึงควรทานทีละน้อยๆ เท่านั้น

 

เสี่ยงโรคโบทูลิซึ่ม ซึ่งเกิดจากสปอร์ของเชื้อโรคที่มีอยู่ในน้ำผึ้ง จึงห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบทาน รวมถึงสตรีที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตรด้วย โดยโรคนี้มีความอันตรายสูงมาก เพราะจะทำให้เกิดความผิดปกติทางระบบประสาทอย่างเฉียบพลันนั่นเอง[/alert-warning]

ใครบ้างที่ไม่ควรทานน้ำผึ้ง

รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทานน้ำผึ้งได้ เพราะในบางคนก็อาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีเช่นกัน ดังนั้นก่อนทานน้ำผึ้งจึงควรทำความเข้าใจก่อนว่าใครบ้างที่ไม่สามารถทานได้และตนเองเข้าข่ายบุคคลดังกล่าวหรือไม่

1.เด็กทารกที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบ เพราะวัยนี้ยังคงมีภูมิต้านทานต่ำซึ่งอาจเกิดการแพ้หรือติดเชื้อที่ปนมากับน้ำผึ้งได้มากกว่าบุคคลทั่วไป

2.คนที่เป็นโรคดีพิการ (คนที่มีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง) เพราะคนกลุ่มนี้มักจะแพ้น้ำผึ้ง ซึ่งอาจทำให้อาการรุนแรงกว่าเดิมได้

3.คนที่มีอาการแพ้น้ำผึ้งและเกสรน้ำผึ้ง เพราะหากทานจะทำให้อาการแพ้กำเริบขึ้นมาทันที ส่วนอาการจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการแพ้ของแต่ละบุคคล

4.คนที่เป็นโรคน้ำเหลืองเสีย มักจะมีตุ่มหนองและแผลหนองตามร่างกายอยู่เสมอ รวมถึงคนที่เป็นโรคคุดทะราดด้วย

รู้ได้อย่างไรว่าแบบไหนน้ำผึ้งแท้?

การจะทานน้ำผึ้งให้ได้ประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือต้องเป็นน้ำผึ้งแท้นั่นเอง แต่เนื่องจากในปัจจุบัน น้ำผึ้งปลอมและน้ำผึ้งแท้มีลักษณะคล้ายกันมากจนแทบจะแยกไม่ออก

ทำให้มักจะได้น้ำผึ้งที่ไม่มีคุณภาพมาเสมอ ดังนั้นวันนี้เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับการดูน้ำผึ้งแท้กันดีกว่า ซึ่งก็มีหลักการดูง่ายๆ ดังนี้

สังเกตฉลากของขวดหรือโหลน้ำผึ้ง โดยหากที่ฉลากมีการระบุว่าได้มีการเพิ่มสสารหรือเติมอะไรลงไปเพิ่มเติม ให้เดาได้เลยว่าน้ำผึ้งปลอมแน่นอน หรือไม่ก็มีปริมาณของน้ำผึ้งแท้ผสมอยู่น้อยมาก ซึ่งก็ทำให้คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งด้อยลงไปเช่นกัน

ต้องไม่มีสารปรุงแต่งใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสารปรุงแต่งสี กลิ่นหรือรสชาติก็ตาม เพราะนั่นเท่ากับได้มีการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของน้ำผึ้ง ทำให้คุณภาพด้อยลงและไม่ใช่น้ำผึ้งสดแท้นั่นเอง

สีของน้ำผึ้งต้องเป็นสีที่มีความเป็นธรรมชาติ ซึ่งก็คือสีเหลืองอ่อนๆ ถึงสีน้ำตาลใสนั่นเอง และจะต้องไม่ขุ่นทึบด้วย
ต้องมีความสะอาด โดยไม่มีเศษหรือไขผึ้งปนอยู่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจทำให้คุณภาพของน้ำผึ้งลดต่ำลงและส่งผลเสียต่อผู้ที่ทานได้

ความเข้มข้นของน้ำผึ้งแท้ ต้องมีความเข้มข้นและความหนืดสูง หากพบว่าน้ำผึ้งเหลวจนเกินไป มั่นใจได้เลยว่ามีการผสมน้ำหรืออะไรบางอย่างลงไปในน้ำผึ้งแน่นอน

ทดสอบด้วยการหยดน้ำผึ้งลงบนนิ้ว โดยสังเกตได้ว่า หากเป็นน้ำผึ้งแท้ น้ำผึ้งจะขดจับตัวกันอยู่ แต่หากเป็นน้ำผึ้งปลอมจะกระจายไปทั่วนิ้วอย่างเห็นได้ชัด

ทดสอบด้วยการหยดน้ำผึ้งลงในแก้วน้ำชา จากนั้นคนน้ำชาให้เท่ากัน ซึ่งหากเป็นน้ำผึ้งแท้สังเกตได้ว่าน้ำผึ้งจะไม่ละลายในทันที เพราะมีความหนืดสูงจึงต้องใช้เวลาในการละลายนั่นเอง

น้ำผึ้งแท้จะต้องไม่มีฟองหรือกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เพราะปกติน้ำผึ้งจะสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานมาก ถึงเสียก็จะไม่มีกลิ่นดังกล่าว
และวิธีสุดท้าย เป็นการทดสอบด้วยไม้ขีดไฟ โดยให้ใช้ไม้ขีดไฟแตะน้ำผึ้งที่ปลายเล็กน้อย

จากนั้นจุดไฟ ซึ่งหากเป็นน้ำผึ้งแท้ไฟจะติดและเผาไหม้น้ำผึ้งไปด้วย แต่หากเป็นน้ำผึ้งปลอมจะจุดไฟไม่ติด เนื่องจากความความชื้นสูงนั่นเอง

ได้รู้ประโยชน์ของน้ำผึ้งกันแบบนี้แล้ว ใครที่อยากมีสุขภาพดีแข็งแรง พร้อมผิวพรรณที่สวยใสดูเนียนนุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ ลองหันมาทานน้ำผึ้งให้มากขึ้นกันดูสิคะ

แต่อย่าลืมว่าน้ำผึ้งทานมากไปก็ก่อให้เกิดโทษได้เหมือนกัน จึงควรทานในปริมาณที่เหมาะสม และเพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างสูงสุด อย่าลืมดูด้วยว่า น้ำผึ้งที่ทานนั้นเป็นน้ำผึ้งแท้หรือไม่ เท่านี้สุขภาพดีก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม