วิธีดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานและการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด

“โรคเบาหวาน” โรคที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมมนุษย์

ซึ่งแทบจะเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถหลีกพ้นได้ ด้วยอาหารการกินและการดำเนินชีวิตที่ห่างไกลจากความเป็นธรรมชาติ 

ทำให้สารอาหารที่เราได้รับส่วนมากไม่สมดุลกับสิ่งที่ร่างกายต้องการ เมื่อนั้นสิ่งที่ตามมาคือโรคภัยไข้เจ็บ และเบาหวานก็คือหนึ่งในโรคที่มีผู้ป่วยมากเป็นอันดับต้นๆ

แม้ว่าการป่วยด้วยโรคเรื้อรังชนิดนี้จะไม่สร้างความทุกข์ให้กับผู้ป่วยเทียบเท่ากับโรคมะเร็ง และเป็นโรคที่สามารถประคับประคองอาการให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขได้เหมือนคนทั่วไป ทำให้หลายคนเกิดความชะล่าใจ ไม่เกรงกลัวต่อการมาเยือนของโรคนี้

เมื่อป่วยแล้วไม่ยอมดูแลสุขภาพตัวเอง โดยเฉพาะระดับน้ำตาลในเลือดที่ขึ้นๆ ลงๆ กลับเป็นภัยเงียบที่เข้ามาคุกคามชีวิตที่สงบสุขของผู้ป่วยอย่างไม่รู้ตัว

เพราะสิ่งที่จะตามมานั้นไม่ใช่การเจ็บป่วยจากโรคเบาหวานโดยตรง แต่เกิดจากความเสื่อมสภาพของร่างกายภายในที่จะเกิดขึ้นเป็นปัญหาทางอ้อมในอนาคต

โรคเบาหวาน ความผิดปกติของระบบการควบคุมน้ำตาลในเลือด

โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายไม่สามารถปรับสมดุลของภาวะน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่พอดีต่อความต้องการได้ ดังนั้นผู้ป่วยจึงมีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง มาจากสาเหตุที่ระดับอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลไม่เพียงพอ

พลังงานที่ควรได้รับจากน้ำตาลจึงไม่ถูกดึงไปใช้ทำให้น้ำตาลยังคงค้างอยู่ในกระแสเลือดโดยไม่ถูกกำจัดออก ส่งผลให้กระแสเลือดมีความเหนียวข้นมากขึ้น ระบบไหลเวียนเลือดเกิดปัญหา ทำให้หัวใจต้องทำงานในการอัดฉีดแรงดันมากขึ้น

หากผู้ป่วยที่มีน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่อง จะมีโอกาสเสี่ยงที่หลอดเลือดจะถูกทำลาย เปราะบาง ตามมาด้วยอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ที่ร้ายแรงได้

ส่วนอินซูลินอันเป็นหัวใจสำคัญของการปรับระดับน้ำตาลในเลือดและดึงน้ำตาลให้แปรรูปไปเป็นพลังงานหรืออาหารของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เกิดขึ้นจากการสร้างที่เซลล์ตับอ่อน เมื่อแพร่เข้าสู่กระแสเลือดแล้วจะทำหน้าที่คล้ายรถบรรทุก ขนส่งน้ำตาลไปยังอวัยวะต่างๆ

ในผู้คนทั่วไปเมื่อน้ำตาลถูกย่อยโมเลกุลเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว ตับอ่อนจะเริ่มถูกกระตุ้นให้สร้างอินซูลินเข้าไปทำหน้าที่ของมันในทันทีอย่างเพียงพอกับความเข้มข้นของน้ำตาลที่ได้รับ แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานอาจจะยังมีการสร้างอินซูลินอยู่แต่ไม่เพียงพอหรือบางรายรุนแรงถึงขั้นที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เลย

การดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

เมื่อโรคเบาหวานเป็นสิ่งที่ผู้คนในสังคมส่วนมากต่างตระหนักถึงอาการและระบบความผิดปกติของมันเป็นอย่างที่ดี ดังนั้นการดูแลตนเองเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันโดยเฉพาะผู้ที่อยู่กลุ่มเสี่ยง คือผู้ที่มีประวัติทางพันธุกรรมเคยป่วยเป็นโรคเบาหวาน

ผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินและผู้ที่ชอบกินอาหารรสหวานจัดเป็นประจำ เหล่านี้จะต้องคอยระมัดระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองเสียใหม่ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อตรวจหาระดับน้ำตาล ควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ส่วนในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมาแล้ว จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองอย่างสิ้นเชิง การดูจากคนใกล้ชิดจะต้องใช้ความเข้าใจและคอยสังเกตอาการอย่างสม่ำเสมอ เพราะในผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการกำเริบข้างเคียงจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไป

ทำให้เกิดอาการช็อคได้แบบเฉียบพลัน ดังนั้นผู้ป่วยจะต้องมีลูกอมหรือน้ำหวานพกติดตัวเอาไว้เสมอ อาหารที่ทำจะต้องเป็นอาหารรสจืด ผ่านการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด หลีกเลี่ยงปริมาณน้ำตาล กินผักและผลไม้ที่มีเส้นใยสูง แต่ต้องระวังปริมาณแป้งในอาหารเหล่านี้ด้วยเพราะมันจะแปรสภาพกลายเป็นน้ำตาลเมื่อเข้าสู่ร่างกาย

[alert-note]การดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม หากเป็นผู้ป่วยที่ยังอายุไม่มาก สามารถพึ่งพาตัวเองได้ ก็จะต้องระมัดระวังระดับน้ำตาลที่อาจจะส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในอนาคต ส่วนผู้ป่วยที่มีอายุมากแล้วจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

หากมีผู้ดูแลอยู่ด้วย อย่าลืมที่จะคอยระมัดระวังไม่ให้ผู้ป่วยเกิดบาดแผล ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย คอยกำกับให้ผู้ป่วยรับประทานอย่างอย่างเคร่งครัด คอยให้คำแนะนำและไม่ปล่อยปละละเลยจนผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองถูกทอดทิ้ง[/alert-note]

อย่างไรก็ตาม โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด และต้องกินยาตลอดชีวิต กระนั้นก็ถือว่าเป็นโรคไม่ติดต่อ ผู้ที่ต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันจะต้องเข้าใจและให้กำลังใจผู้ป่วยเพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเป็นปกติเช่นเดียวกับคนทั่วไปได้นั่นเองค่ะ

ใหม่กว่า เก่ากว่า