คนส่วนมากให้ความสนใจกับการดูแลใบหน้า ผิวพรรณและความสวยความงามที่มองเห็นได้ชัดเจนเป็นหลัก
จนลืมใส่ใจสุขภาพของเท้า ซึ่งเป็นหนึ่งจุดศูนย์รวมสำคัญของเส้นประสาท หากไม่ได้รับการดูแลที่ดี
ก็อาจจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัว มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังทำให้เกิดเชื้อราและความอับชื้นได้ง่าย
หากปล่อยทิ้งเอาไว้นานก็ยิ่งทำให้การดูแลทำได้ยาก ความเรียบเนียนที่เคยมีก็ค่อยๆ ถูกทำลายด้วยความแห้งกร้าน จนเกิดความไม่มั่นใจในตัวเองเมื่อต้องใส่รองเท้าที่โชว์ผิวอย่างชัดเจน
ดังนั้น การดูแลเท้าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ร่างกายดูสุขภาพดีสมบูรณ์แบบตั้งแต่หัวจรดเท้า เราจึงมีทริคดีๆ มานำเสนอให้สาวๆ ได้ลองนำเอาไปปรับใช้กับการดูแลตัวเองกันดูค่ะ
Photo Credit: Khánh Hmoong
อย่าสวมรองเท้าที่เปิดส้นบ่อยๆ
หนึ่งในปัญหาที่ทำให้เท้าหยาบแห้งกร้าน โดยเฉพาะส่วนของส้นเท้าที่มักจะแตกกลายเป็นรายงา แถมยังมีฝุ่นละอองเข้าไปเกาะอยู่ตามซอกจนเป็นสีดำดูสกปรก
การดูแลรักษาอาจจะเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งต้นเหตุหลักๆ มาจากการที่สาวๆ ใส่เท้าเปิดส้นบ่อยๆ ส่งผลให้บริเวณส้นเท้าเสียดสีกับพื้นรองเท้าอยู่ตลอดเวลา บวกกับฝุ่นละอองในอากาศมาเกาะติดมากขึ้นในทุกวัน ผิวหนังบริเวณนี้จึงแห้งและหนาตัว นานวันเข้าก็เกิดแห้งและปริแตกออกมา บางรายอาการรุนแรงจนถึงขึ้นมีเลือดออกมาจากรอยแตก
ดังนั้น หากไม่จำเป็นก็อย่าใส่รองเท้าที่เปิดส้นเป็นประจำ โดยเฉพาะสาวๆ ที่มีสภาพผิวแห้งเป็นทุนเดิม หรือหากจำเป็นจริงๆ ก็ควรใส่ถุงเท้าหุ้มเอาไว้อีกชั้น จะได้ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและลดการเสียดสีให้น้อยลง
ใช้ครีมบำรุงส้นเท้าเป็นประจำ
เมื่อพบว่าตัวเองมีปัญหาส้นเท้าแห้ง ไม่ควรปล่อยปละละเลยจนเท้าปริแตก เพราะจะทำให้ผิวเท้าดูไม่สวยงาม อีกทั้งยังทำการรักษาได้ยากขึ้น
ทางที่ดีสาวๆ ควรเริ่มจากการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ หากอาการยังไม่มาก ให้ใช้ครีมบำรุงฝ่าเท้าโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยให้ผิวมีความนุ่มมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดปัญหาเท้าแห้งแตกและทำให้ผิวเท้าเรียบเนียนน่าสัมผัสมากขึ้น
[alert-note]
TIP สูตรแก้ส้นเท้าแตกและแห้ง
เท้าเป็นอวัยวะที่ต้องใช้งานตลอดเพราะต้องเดินหรือยืนนาน ๆ จึงทำให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกได้
สูตรนี้จะช่วยในการแก้ปัญหาส้นเท้าแตก แห้ง และดับกลิ่นเท้าได้ด้วย
ส่วนผสม
- น้ำผึ้ง 1 ถ้วยตวง
- น้ำมันหอมลาเวนเดอร์ 5 หยด
- นำน้ำผึ้งไปตั้งไฟพออุ่น ๆ แล้วหยดน้ำมันหอมลาเวนเดอร์ลง
- ผสมให้เข้ากันดี แล้วจึงนำไป ทาส้นเท้าแตกหรือจะทาให้ทั่วทั้งเท้า แล้วทิ้งไว้ 20-30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด แล้วทาโลชั่นบำรุงผิวหรือวาสลีนบริเวณส้นเท้าแตก[/alert-note]
หลังใช้งานเท้าหนักๆ ต้องทำให้เท้าได้รับความผ่อนคลาย
เพิ่มความผ่อนคลายให้ฝ่าเท้าที่ต้องใช้งานหนักมาตลอดทั้งวันด้วยการบำรุงอย่างง่ายๆ เพียงแค่ใช้น้ำอุ่นผสมกับน้ำมะนาว จากนั้นให้แช่เท้าลงไปประมาณ 30 นาที จะช่วยให้เท้าได้รับการดูแลรักษา
ความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นจะค่อยๆ หายไป และยังช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัว ช่วยระบบไหลเวียนเลือดให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น เมื่อเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดทำความสะอาดเท้าจนแห้ง แล้วจึงค่อยตามด้วยครีมบำรุงอีกหนึ่งขั้นตอน
เท้าเป็นศูนย์รวมของระบบประสาท ดังนั้น มันจึงเป็นอวัยวะชิ้นหนึ่งที่ควรดูแลไม่แพ้ไปกว่าผิวหน้า
เมื่อเท้าของสาวๆ มีสุขภาพดีก็จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งกลิ่นและความผิดปกติ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กล้าเผยผิวที่เรียบเนียนได้อย่างไม่ต้องอายใครนั่นเองค่ะ