ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและทำความสะอาดผิวทั่วไปมีสารเคมีเป็นส่วนประกอบ ที่เมื่อเราใช้ไปนานๆอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังของเราได้
เพราะว่าในวงการผลิตเครื่องสำอางนั้นเต็มไปด้วยการใช้สารเคมีประกอบ ตั้งแต่ยาสระผมไปจนถึงสบู่หรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้า และในบางครั้งก็มีการผลิตเครื่องสำอางต้องห้ามที่ไม่ได้มาตรฐานอีกด้วย ซึ่งน่าเศร้าที่ผู้บริโภคอย่างเราที่ไม่มีความรู้ต้องตกเป็นเหยื่ออุตสาหกรรมที่คำนึงถึงแต่ผลกำไรเท่านั้น
ถึงแม้องค์การอาหารและยารวมถึงอีกหลายสถาบันที่คอยตรวจสอบสารต้องห้ามในผลิตภัณฑ์ และได้ออกคำเตือนออกมาว่าผลิตภัณฑ์ชนิดใด ยี่ห้อใดที่มีสารเป็นอันตรายและไม่ควรจำหน่าย
แต่ก็ยังมีคนคอยลักลอบจำหน่ายกันอย่างไม่เกรงกลัวอะไร และที่สำคัญก็ยังมีคนซื้อใช้ด้วย เป็นเพราะคนเรามีความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น เราจะมาดูกันว่าสารเคมีตัวไหนที่เราควรหลีกเลี่ยง และเพราะอะไร
1. สารเคมีในผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี
เริ่มที่ Sodium lauryl sulfate ซึ่งเป็นสารประกอบในผลิตภัณฑ์ที่มีโฟม มีส่วนผสมของสารไดออกเซน และไม่ดีต่อผิวหน้าเราเท่าไหร่ ต่อมาคือน้ำหอม หรือ Fragrance ที่ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย บางคนถึงกับเลือกผลิตภัณฑ์ต่างๆเพราะกลิ่นด้วยซ้ำ แต่น้ำหอมสามารถก่อให้เกิดการแพ้ได้อย่างมาก เพราะเป็นสารเคมีที่อันตราย มีผลต่อระบบฮอร์โมนด้วย
ดังนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยงดีกว่า ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่หอมไม่ใช่ว่าไม่มีประโยชน์นะ ไม่เกี่ยวกันเลย อีกตัวคือ Parabens เป็นสารอันตรายที่มีผลในการทำลายฮอร์โมนโดยทำหน้าที่เลียนแบบเอสโตรเจน นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าทั่วไปยังมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อีกด้วย แต่กระนั้นก็ไม่ต้องกังวลเกินไป เพราะยังมีผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนจริงๆสำหรับผิวหน้าเรา ถ้าจะเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าก็ขอให้หลีกเลี่ยงตัวที่มีสารดังที่กล่าวด้านบนก็แล้วกัน
2. ชั้นผิวหนังที่อยู่นอกสุดจะช่วยเก็บกักความชุ่มชื่นของผิวพรรณเรา
แตกต่างจากที่คนทั่วไปคิดและสื่อต่างๆที่อ้างกันว่าความชุ่มชื้นของผิวมาจากผิวชั้นใน เพราะจริงๆแล้วพวกมอยส์เจอไรเซอร์นั้นมีประโยชน์ต่อผิวของเรามากๆ ไม่ว่าจะผิวหน้าหรือผิวกาย เพราะช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออกจากผิว ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดี ไม่แห้งเป็นขุยและลดความเหี่ยวย่น และผิวชั้นนอกนี่แหละที่มีความสามารถอย่างดีในการช่วยอุ้มน้ำให้ผิวของเรา ดังนั้น เวลาที่เราใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ้างว่าล้างได้หมดจด เผยผิวใหม่
เพราะมันกระชากหนังชั้นนอกออกอยู่บ่อยๆทุกวัน มันจะมีผลทำให้หน้าเราแห้ง เป็นสิวได้ง่ายขึ้น ผิวหน้าบางลง แถมยังดูสุขภาพไม่ดีอีกด้วย เข้าใจเสียใหม่ว่าการที่ล้างหน้าแล้วรู้สึกหน้าตึง สะอาดทุกรูขุมขนจนเกินไปนั้นไม่ใช่สิ่งดี แต่เป็นเพราะเซลล์ผิวชั้นนอกที่ควรจะช่วยเก็บกักน้ำในผิวถูกดึงออกไปหมด ถ้าเรายังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอาจจะยังไม่เห็นปัญหา แต่ถ้าเริ่มเข้าสู่เลข 3 ริ้วรอยจะเริ่มมา เริ่มเป็นฝ้า จุดด่างดำ คราวนี้ก็จะสายเกินแก้ ดังนั้นอย่าหลงกลโฆษณาโฟมล้างหน้าที่มีเม็ดสครับ มีคุณสมบัติขัดหน้า ลอกหน้าให้หมดจด ลองคิดดูว่าถ้าใช้ผลิตภัณฑ์แบบนี้ทุกวันๆ หน้าจะไม่พังได้อย่างไร
3. ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียวๆไม่เวิร์คทุกครั้ง
บางคนอาจคิด เรื่องมากจัง ใช้โน่นก็ไม่ดี ใช้นี่ก็ไม่ได้ งั้นล้างน้ำเปล่าเลยก็แล้วกัน แต่อย่าเพิ่งคิดแบบนั้นนะ มันใช้ได้แค่บางสภาพอากาศเท่านั้น เช่น หน้าหนาว ที่ผิวเราจะแห้งเป็นปกติอยู่แล้ว การทำความสะอาดใบหน้าด้วยน้ำเปล่า (สำหรับคนที่ไม่ได้แต่งหน้า) ก็ถือว่ารับได้ แต่อากาศร้อนระอุแบบเมืองไทยเรา มันคงไม่เวิร์คเป็นแน่
ทางแก้คือ เราสามารถทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำมันจากธรรมชาติ เล่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันโจโจบา ฯลฯ โดยใช้เช็ดทำความสะอาดใบหน้าจากคราบฝุ่น เครื่องสำอางหรือครีมกันแดด ซึ่งใช้ได้ดีมาก โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าลบเครื่องสำอางที่มีสารเคมีเลย เพราะน้ำมันจากธรรมชาติพวกนี้ไม่มีฤทธิ์ในการลอกผิวหน้าของเรา แถมยังมีกลิ่นหอมจากธรรมชาติที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยอีกด้วย
จากนั้น ให้ล้างทำความสะอาดหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน อาจจะเป็นเจลล้างหน้าที่อ่อนโยน ทำมาจากธรรมชาติ หรือแม้แต่สบู่เด็ก ล้างทำความสะอาดหน้าอีกทีอย่างแผ่วเบา แนะนำให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่เป็นโฟม เพราะมักจะมี Sodium lauryl sulfate ซึ่งไม่ดีต่อผิวพรรณเลย ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ให้ความรู้สึกที่สะอาดหมดจดแบบที่เคย แต่เชื่อสิว่าผิวหน้าของเราไม่จำเป็นต้องรู้สึกสะอาดขนาดนั้น เพราะความจริงแล้ว เพียงล้างหน้าแค่นี้ก็สะอาดแล้ว
อย่าไปหลงเชื่อคำโฆษณามาก พวกเขาสามารถอ้างอะไรได้มากมายเพื่อสร้างรายได้ เพราะสุดท้ายเมื่อเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องดูแลตัวเองอยู่ดี
Photo Credit: Mike_tn