ข้อห้ามสำหรับผู้หญิงลดน้ำหนัก

7 ข้อห้ามสำหรับสาวลดหุ่นที่ไม่ควรทำเป็นอันขาด

สาวๆ หลายคนที่กำลังอยู่ในช่วงของการลดน้ำหนักอยู่จะต้องเคยพบเจอกับประสบการณ์การลดน้ำหนักอย่างผิดวิธีกันมาบ้างอยู่ไม่มากก็น้อย

จนทำให้ความคาดหวังของการลดน้ำหนักไม่ได้ดั่งใจหวัง เป็นเหตุให้รู้สึกท้อแท้และไม่อยากลดต่อไปอีก

เพราะในช่วงเวลาของการลดน้ำหนักนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกทุกข์ทรมาน เหนื่อยและรู้สึกหิวโหยอยู่ตลอดเวลา

จนทำให้รู้สึกว่าการลดน้ำหนักเป็นเรื่องของการทรมานร่างกายตนเองให้อ่อนแอลง

สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็อาจจะเนื่องมาจากความเชื่อผิดๆ ของการลดน้ำหนักที่เรามองข้าม ดังนั้นแล้วสาวๆ คนไหนที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จตามตั้งใจไว้ก็ลองมาทำความรู้จักกับข้อห้ามที่ไม่ควรทำทั้ง 7 ข้อต่อไปนี้ซึ่งเราอาจจะเผลอทำอยู่อย่างไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ข้อห้ามสำหรับผู้หญิงลดน้ำหนัก

photo credit: nhanusek

1.เลือกลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารจนน้ำตาลในเลือดต่ำ

ความเชื่อของการลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารยังเป็นหนึ่งในความเชื่อผิดๆ ของสาวๆ ส่วนหนึ่ง ด้วยความเข้าใจนี้จึงทำให้พวกเธอไม่สามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในช่วงแรกของการอดอาหารจะส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลงไปได้อย่างรวดเร็วจนเข้าใจว่าเป็นวิธีลดหุ่นที่ได้ผลดี ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้จะเกิดผลข้างเคียงทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ โดยเฉพาะคนที่ไม่ยอมกินคาร์โบไฮเดรตในมื้อเช้า ทำให้หงุดหงิดง่าย อ่อนแรง ตัวสั่นและรู้สึกหิวอย่างรุนแรง ซึ่งนั่นก็จะทำให้ร่างกายเริ่มปรับตัวเข้าสู่โหมดเอาตัวรอดโดยการกักเก็บไขมันเอาไว้อีกด้วย

2.ไม่กล้ากินอาหาร

คนที่พยายามลดน้ำหนักบางคนมักจะหวาดกลัวการกินอาหาร เพราะเกรงว่ายิ่งกินเข้าไปก็จะยิ่งส่งผลให้ร่างกายอ้วนมากขึ้น แถมยังรู้สึกว่าหน้าท้องของตนเองกำลังขยายขนาดขึ้น จนส่งผลให้สาวๆ ที่กลัวการกินอาหารไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เมื่อนานวันเข้าก็ยิ่งทำให้ระบบการทำงานของร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันลดต่ำ และยังไปลดการทำงานของระบบเผาผลาญให้น้อยลงตามมา เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ และหันมากินอาหารให้ครบมื้อตามปกติ เพียงแต่ว่าเราควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า

3.นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนหลับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของการลดน้ำหนัก หากเราเป็นคนที่นอนน้อยจะส่งผลให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ระบบการทำงานของฮอร์โมนและอวัยวะต่างๆ จะทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย แถมคนที่นอนดึกยังมีโอกาสหิวและต้องกินในมื้อดึกเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นแล้วทางที่ดีเราควรมานอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง และควรนอนไม่เกิน 4 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายในขณะหลับสามารถทำงานเผาผลาญพลังงานได้อย่างเต็มที่

4.ขาดโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย

โปรตีนเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอโดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บจากการออกกำลังกาย และยังเป็นส่วนสำคัญกับน้ำตาลในเลือด รวมไปถึงระบบเผาผลาญอาหาร หากเราได้รับโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการแล้วละก็ ร่างกายจะสามารถเปลี่ยนสภาพไขมันใต้ชั้นผิวหนังให้กลายเป็นกล้ามเนื้อมากขึ้น ซึ่งหากเราได้รับโปรตีนไม่เพียงพอก็จะทำให้น้ำหนักตัวของเราไม่สามารถลดลงได้อย่างที่ควรจะเป็น แถมชั้นไขมันบนผิวหนังก็จะไม่ยอมสลายตัวออกไปอย่างง่ายๆ อีกด้วย

5.ลดน้ำหนักจนขาดธาตุเหล็ก

ธาตุเหล็กมีหน้าที่เปรียบเสมือนสายพานลำเลียงพลังงานให้เข้าสู่เม็ดเลือด ช่วยให้การทำงานของระบบเผาผลาญมีประสิทธิภาพดีขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้มีความสำคัญต่อการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงไม่ควรควบคุมอาหารโดยไม่ยอมกินอาหารจำพวก อาหารทะเล ช็อกโกแลต ลูกเกดและเนื้อสัตว์ ซึ่งในอาหารเหล่านี้ล้วนอุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่ร่างกายต้องการ นอกจากนั้นในทุกๆ มื้ออาหารเราควรมีผักใบเขียวเป็นส่วนประกอบด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายจ้องสูญเสียธาตุที่จำเป็นชนิดนี้ไป

6.ดื่มน้ำผลไม้กล่องแทนผลไม้สดๆ

น้ำผลไม้ที่บรรจุกล่องอาจจะดูสะดวกสบายต่อการดื่มในเวลาที่เร่งรีบ แต่ทว่าในน้ำผลไม้เหล่านี้ล้วนผ่านกระบวนการต่างๆ จากโรงงานอย่างมากมายก่อนจะมาถึงมือเรา ดังนั้นแล้วสารอาหารและวิตามินบางชนิดมีความไวต่อแสงและความร้อนก็จะสลายตัวหายไปจนหมด ทำให้ในน้ำผลไม้แบบกล่องมีเพียงแค่น้ำผสมน้ำตาลที่แทบไม่มีคุณค่าทางสารอาหารใดๆ หลงเหลืออยู่เลยแม้กระทั่งกากใยอันเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของเรา อีกทั้งหากเราดื่มมากๆ ก็จะยิ่งส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เป็นเหตุให้น้ำหนักตัวของเราเพิ่มตามมา

7.กินอาหารที่มีพลังงานต่ำจนเกินไป

การเลือกกินอาหารในช่วงที่กำลังลดน้ำหนักอยู่นั้น ไม่ใช่การอดอาหารแต่เราจะต้องกินให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการใช้พลังงานของเราในแต่ละวันตามปกติ ซึ่งบางคนควบคุมอาหารและกลัวว่าปริมาณแคลอรี่จะสูงเกินไปจนทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม ส่งผลให้พวกเธอเหล่านั้นได้รับสารอาหารที่มีพลังงานแคลอรี่ต่ำมากเกินไป พฤติกรรมนี้จะเสี่ยงต่อระบบเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานได้น้อยลง เมื่อเรากลับมากินในปริมาณที่มากขึ้นก็จะทำให้เกิดภาวะโยโย่จากความไม่คุ้นชินที่อยู่ดีๆ ก็มีปริมาณแคลอรี่เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ส่งผลให้น้ำหนักตัวดิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แถมยังจะมีการรักษาระดับไขมันในร่างกายเอาไว้เพื่อป้องกันตัวเองแบบอัตโนมัติอีกด้วย

สาวๆ คนไหนบ้างที่กำลังลดน้ำหนักและไม่ได้ผล ก็ต้องลองสังเกตพฤติกรรมของตนเองให้ดีว่ามีนิสัยเหล่านี้ที่กล่าวไปข้างต้นอยู่ด้วยหรือไม่ หากพบแล้วก็ควรหันมาปรับเปลี่ยนวิธีลดน้ำหนักเสียใหม่ ก็จะช่วยให้เราได้มีหุ่นสวยๆ อย่างที่ต้องการได้ในเวลาไม่นานอย่างแน่นอน