Category Archives: Beauty

ความสวย ความงาม การดูแลผิว หน้า ผม การรักษาสิว

อย่าปล่อยให้ผิวของคุณสูญเสียความชุ่มชื้นเมื่ออายุมากขึ้น

หนึ่งในสัญญาณการแก่ชราที่เห็นได้ชัดคือผิวแห้งกร้าน และขาดความชุ่มชื้น แม้การเปลี่ยนแปลงบางอย่างของผิวเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่ออายุมากขึ้น แต่ปัญหาความแห้งกร้านไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องเกิดขึ้น หากดูแลอย่างถูกวิธีเราสามารถรักษาประสิทธิภาพของผิวหนัง ในการคงความชุ่มชื้นไว้ได้

เหตุใดผิวจึงแห้งเมื่ออายุมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการคงความชุ่มชื้นของผิวจะลดลง เนื่องจากผิวอ่อนแอลง จึงไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผิวประกอบด้วยไขมันอย่าง เซราไมด์ กรดไขมัน คอเลสเตอรอล และสารดูดซับความชื่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูรอนิก สารเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวรองรับเพื่อกักเก็บน้ำไว้ในผิว

อย่างไรก็ดี ระดับของสารเหล่านี้จะค่อยๆ ลดลงตามอายุ งานวิจัยพบว่าปริมาณเซราไมด์ลดลง ส่งผลให้เกิดการระบายความชื่มชื้นและความแห้งกร้าน เช่นเดียวกับกรดไฮยาลูรอนิก ที่อายุ 50 ปี เรามีปริมาณกรดนี้เหลืออยู่เพียงครึ่งหนึ่งของระดับปกติ การขาดกรดไขมัน สควาลีนและคอเลสเตอรอลก็นำไปสู่ผิวแห้งเช่นกัน

เมื่อชั้นปกป้องความชุ่มชื้นผิวเสื่อมประสิทธิภาพ ผิวก็จะเก็บรักษาน้ำไว้ไม่อยู่ ทำให้เกิดอาการตึงแห้งกร้านตามวัยที่สูงขึ้น

3 วิธีรักษาความชุ่มชื้นผิว

ข่าวดีก็คือ เราสามารถป้องกันและรักษาปัญหาความแห้งกร้านโดยการเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง ต่อไปนี้คือ 3 วิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากงานวิจัย

Photo by Yilmaz Akin on Unsplash

1. เติมชั้นปกป้องความชุ่มชื้นจากภายนอก

วิธีตรงไปตรงมาที่สุดคือใช้ครีมและโลชั่นบำรุงผิวที่เติมเต็มระดับไขมันและความชุ่มชื้นในผิว ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเช่น เซราไมด์ กรดไขมัน คอเลสเตอรอล กรดอะมิโน เปปไทด์ กรดไฮยาลูรอนิก และสควาลีน น้ำมันสมุนไพรอย่างเชียบัตเตอร์และน้ำมันข้าวโอ๊ตก็สามารถกระตุ้นการผลิตเซราไมด์ได้เช่นกัน

ผลิตภัณฑ์แนะนำ:

Cerave moisturizing cream จากเซราวีประกอบด้วยเซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิว 3 ชนิด โดยสกัดจากพืชธรรมชาติ พร้อมผสานด้วยไฮยาลูรอนิกแอซิด เพื่อช่วยชดเชยความชุ่มชื้น, เซราไมด์ที่ขาดหายไป และเสริมสร้างปราการปกป้องผิว

2. ดูแลสุขภาพผิวจากภายใน

สิ่งที่คุณรับประทานมีความสำคัญไม่แพ้สิ่งที่ใช้ทาผิว จงรับประทานอาหารที่มีไฟโตเซราไมด์ ได้แก่ข้าวสาลี ข้าวโพด และข้าวโอ๊ต ให้ได้รับกรดไฮยาลูรอนิกอย่างเพียงพอจากอาหารเช่น กะหล่ำปลี มันฝรั่ง และอัลมอนด์ วิตามินอีจากอาโวคาโดและมะม่วงช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวแห้ง และกรดไขมันโอเมก้า 3 จากปลาแซลมอน ทูน่า และเมล็ดลินสีด จะช่วยคงความชุ่มชื้นผิว

3. ดูแลจุลินทรีย์บนผิว

สุดท้าย การบำรุงจุลินทรีย์บนผิวจะช่วยให้ร่างกายผลิตโพสไบโอติกชนิดบำรุงผิวและรักษาความชุ่มชื้นได้เองตามธรรมชาติ จุลินทรีย์เหล่านี้จะสร้างสารเช่น กรดไฮยาลูรอนิก เปปไทด์ และกรดไขมัน ที่ช่วยหนุนชั้นปกป้องความชุ่มชื้นในผิว การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงจุลินทรีย์ผิวจะช่วยให้ระบบนิเวศนี้สมดุลย์

สรุปคือ การมีผิวแห้งกร้านไม่ใช่เรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในวัยชรา หากดูแลด้วยวิธีหลากหลายทั้งจากภายนอกและภายใน ได้แก่ บำรุงครีม การกินอาหารที่เหมาะสม และการบำรุงจุลินทรีย์ผิว คุณก็สามารถคงความชุ่มชื้นให้ผิวนุ่มฉ่ำอยู่ตลอดวัยได้ เพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอน ผิวคุณก็จะดูอิ่มเอิบ กระจ่างใส จนถึงวัยสูงอายุ

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เซราไมด์ (Ceramides) เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่มีองค์ประกอบทางเคมีคล้ายกับเซรามิก เซราไมด์เป็นส่วนประกอบสำคัญของผนังเซลล์ผิวหนัง โดยเฉพาะชั้น stratum corneum ซึ่งเป็นชั้นนอกสุดของผิวหนัง
  • เซราไมด์ทำหน้าที่สำคัญในการรักษาประสิทธิภาพของผิว (skin barrier) โดยช่วยยึดเกาะเซลล์ผิวหนังให้แน่นสนิท และกักเก็บความชุ่มชื้นภายในผิวไม่ให้ระเหยออกไป นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกไม่ให้ผ่านเข้าสู่ร่างกาย
  • เมื่ออายุมากขึ้น ระดับเซราไมด์ในผิวจะลดลงตามธรรมชาติ ทำให้ผิวอ่อนแอลง ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น แห้งกร้าน และเสี่ยงต่อการระคายเคืองมากขึ้น ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ จะช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูเปลือกหุ้มผิวให้แข็งแรงขึ้น คงความชุ่มชื้น และชะลอผิวแก่ก่อนวัย
  • สควาลีน (Squalene) เป็นสารประกอบไฮดรอคาร์บอนชนิดหนึ่งที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์และสัตว์ รวมถึงพืชบางชนิด โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญดังนี้:
    – เป็นสารหล่อลื่นธรรมชาติ ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น โดยทำหน้าที่คล้ายกับน้ำมันที่ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ในผิว
    – เป็นส่วนประกอบของไขมันที่หุ้มเซลล์ผิว ช่วยเสริมสร้างเปลือกหุ้มผิว (skin barrier) ให้แข็งแรง
    – มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านการเสื่อมของเซลล์ผิวจากมลภาวะและรังสียูวี
    – ช่วยกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ ซึ่งเป็นไขมันที่สำคัญในการป้องกันความชุ่มชื้นระเหยจากผิว
    – ปริมาณสควาลีนในร่างกายมนุษย์จะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวเสียความยืดหยุ่น แห้งกร้าน และเหี่ยวย่นเร็วขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิดจึงนิยมใช้สแควลีนจากพืชเป็นส่วนผสมเพื่อเสริมความชุ่มชื้นและคงความอ่อนนุ่มแก่ผิว
    – สควาลีนจัดเป็นไขมันชนิดดีที่ปลอดภัยต่อผิว ได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น ครีมบำรุงผิว โลชั่น และน้ำมันนวดผิว เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการคงความชุ่มชื้นให้ผิว ต้านริ้วรอย และผิวเหี่ยวย่นได้ดี

สวยด้วยน้ำผึ้ง เสกให้คุณดูดีขึ้นภายในชั่วข้ามคืน

น้ำผึ้ง ถือเป็นไอเท็มเสริมความงามที่เรียกว่าขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของสาวๆ เพราะน้ำผึ้งมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ รวมไปถึงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ด้วยสรรพคุณของสารแอนติออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ รวมไปถึงวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และกรดอะมิโน

จึงเหมาะสำหรับการนำมาใช้เป็นตัวช่วยในการเนรมิตผิวให้สวยเปล่งปลั่งได้ทุกส่วน เสกให้คุณดูดีขึ้นได้ภายในชั่วข้ามคืน สาวๆ มาดูกันดีกว่าน้ำผึ้งสามารถนำมาใช้ประโยชน์เกี่ยวกับความสวยงามความงามในด้านใดได้บ้าง

1.บำรุงริมฝีปากที่แห้งกร้าน

สาวๆ ที่มีปัญหาริมฝีปากแห้งกร้าน แตกลอกเป็นขุย ทาลิปสติกแล้วไม่สวยปังเหมือนที่เคย มาลองวิธีนี้กันดู รับรองได้ว่าเรียวปากของคุณจะกลับมาชุ่มชื้น น่าจูบ ภายในชั่วข้ามคืนแน่นอน

ให้คุณใช้น้ำผึ้งเพียงเล็กน้อย ทาให้ทั่วบริเวณริมฝีปาก จากนั้นเข้านอนตามปกติ เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา คุณก็จะสังเกตได้ว่าริมฝีปากของคุณจะเนียนนุ่มขึ้นอย่างมหัศจรรย์ ทาเป็นประจำจะยิ่งทำให้สุขภาพริมฝีปากนุ่มชุ่มชื้นแบบมีสุขภาพดีได้อย่างต่อเนื่อง

[alert-note]นอกจากการทาด้วยน้ำผึ้งก่อนนอนแล้ว ถ้าจะให้ดี แนะนำให้สาวๆ หมั่นทำการสครับผิวริมฝีปาก ด้วยการใช้น้ำตาลทรายผสมกับน้ำผึ้ง แล้วนำมาขัดถูผิวริมฝีปากเบาๆ สัก 5 นาที จากนั้นปล่อยไว้ 5 นาทีแล้วเช็ดด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น[/alert-note]

เพียงเท่านี้ก็จะยิ่งช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก ปัญหาขุยที่แตกแห้งลอกก็จะหมดไป เหลือเพียงผิวเรียวปากที่เนียนใส อมชมพูระเรื่อได้อย่างใจมากขึ้น

2.รักษาสิวภายในชั่วข้ามคืน

สำหรับสาวๆ ที่กังวลใจเกี่ยวกับสิวที่ผุดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวัน ลองใช้น้ำผึ้งทาบริเวณหัวสิว จากนั้นปิดพลาสเตอร์ทับเอาไว้ ตื่นเข้าชึ้นมา ให้คุณล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น แล้วตบท้ายด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดกระชับรูขุมขน

ก็จะเห็นได้ชัดว่าสิวที่เคยอักเสบ สิวอุดตัน หรือสิวเม็ดเป้งๆ ที่ผุดขึ้นมาเมื่อคืน จะลดขนาดลงและค่อยๆ จางหายไป วิธีนี้สามารถใช้กำจัดสิวได้ทุกประเภท

เพราะ น้ำผึ้งมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้เป็นอย่างดี หรือจะนำมาผสมกับน้ำมะนาว มะขามเปียก ผงขมิ้นหรือผงอบเชยแล้วแต้มสิว หรือพอกหน้าก็จะช่วยทั้งรักษาสิว และป้องกันการเกิดสิวขึ้นใหม่ได้

3.แก้ปัญหาผมแห้งเสีย

น้ำผึ้งสามารถนำมาใช้เป็นทรีทเมนท์ในการบำรุงเส้นผมแห้งเสียได้ โดย

[alert-note]วิธีที่เด็ดที่สุดก็คือการนำเอาน้ำผึ้งแท้ 4-5 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ คนจนเข้ากัน จากนั้นนำมานวดบนเส้นผมให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด จะช่วยให้เส้นผมของคุณมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น[/alert-note]

ยิ่งทำเป็นประจำก็จะยิ่งแก้ปัญหาผมแห้งเสียให้หายขาดได้ เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ไม่ค่อยดูแลเส้นผมเป็นประจำ หรือชอบทำสี หรือใช้สารเคมีกับเส้นผมบ่อยๆ

4.ปรับผิวหน้าให้สว่างกระจ่างใส

สาวๆ ที่มีผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อครีมแพงๆ มาใช้อีกต่อไป เพราะแค่มีน้ำผึ้งแท้คุณก็มีผิวที่ขาวสว่างกระจ่างใสขึ้นได้ โดยวิธีก็คือ

ให้นำเอาน้ำผึ้งแท้ มาผสมกับว่านหางจระเข้บริสุทธิ์ในอัตรา 1:2 จากนั้นนำไปพอกผิวหน้าเอาไว้ให้ทั่วก่อนเข้านอน ตื่นเช้าขึ้นมาให้คุณล้างด้วยน้ำอุ่น ผิวหน้าที่เคยหมองคล้ำก็จะค่อยๆ กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

ยิ่งทำทุกวัน รับรองได้ว่าผิวหน้าของคุณจะขาวขึ้นได้ดังใจแน่นอน

5.แก้สีผมให้อ่อนลง

สำหรับสาวๆ ที่ทำสีผมแล้วไม่ได้สีที่ต้องการ ทำแล้วสียังไม่สว่างดั่งใจ มาลองวิธีนี้ดูรับรองว่าได้ผลแน่นอน

ให้นำเอาน้ำผึ้งแท้มาผสมกับชาคาโมไมล์ ในอัตราส่วนเท่าๆ กัน แล้วให้คนส่วนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกเส้นผมให้ทั่ว ใช้หมวกอาบน้ำคลุมศีรษะเอาไว้ จากนั้นเข้านอนได้ตามปกติ ตื่นเช้าขึ้นมาให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะเห็นได้ว่าสีผมที่เข้มเกินไป จะอ่อนลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

6.ลดรอยแผลเป็น

รอยแผลเป็นมักทำลายความมั่นใจให้สาวๆ ได้เสมอ แต่จากนี้ไม่ต้องกังวลกันอีกต่อไป เพราะน้ำผึ้งสามารถใช้รักษารอยแผลเป็น
โดยช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นได้นั่นเอง

เพียงแค่นำน้ำผึ้งแท้ มาทางบางๆ บริเวณที่เป็นรอยแผลเป็นตามจุดต่างๆ ทิ้งเอาไว้สัก 1 คืน

ตื่นเช้าขึ้นมาล้างออกด้วยน้ำสะอาด รอยแผลเป็นก็จะค่อยๆ จางลง ทำแบบนี้เป็นประจำ จะช่วยให้รอยแผลเป็นหายไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

7.กำจัดสิวเสี้ยนบนจมูก 

นำน้ำผึ้งมาผสมกับน้ำมะนาวในอัตราส่วน 1:1 คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาโปะทิ้งไว้บริเวณจมูกที่มีสิวเสี้ยน ทิ้งไว้ข้ามคืน ตื่นเช้าให้มาให้นำเอาสำลีค่อยเช็ดๆ บริเวณจมูกเพื่อทำความสะอาดสิวเสี้ยนที่หลุดออกมา

แล้วล้างด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน เพียงเท่านี้จมูกที่เคยมีสิวเสี้ยนของสาวๆ ก็จะเกลี้ยงเกลามากขึ้นกว่าเดิมแล้วค่ะ

และนี่ก็คือวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเนรมิตผิวสาวให้สวยสั่งได้ดังใจที่ใจต้องการภายในข้ามคืน ด้วยการใช้น้ำผึ้งมาเป็นตัวช่วยหลักนั่นเอง บอกเลยว่าทำง่าย ไม่ยุ่งยาก
อีกทั้งน้ำผึ้งก็มีราคาถูก หาซื้อได้ง่ายทั่วไป

แต่กลับให้ผลลัพธ์ด้านความสวยความงามตั้งแต่หัวจรดเท้าได้อย่างดีเยี่ยมจริงๆ 😀 !

10 วิธีชะลอวัยอย่างเป็นธรรมชาติ

ปัญหาริ้วรอยก่อนวัย หรือความเสื่อมสภาพของผิวพรรณ เป็นสิ่งที่เลี่ยงกันไม่ได้เมื่ออายุมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีวิธีที่จะทำให้สาวๆ สามารถชะลอวัยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้แม้อายุจะมากขึ้นก็ตาม

ด้วยเคล็ดลับที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งถือเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้สาววัย 30 อัพ ได้มีสุขภาพผิวที่เปล่งปลั่ง สดใสและอ่อนเยาว์กว่าวัยได้อยู่เสมอ มาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนบ้าง

1.งดน้ำตาล

น้ำตาลถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว หากคุณรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นประจำ ก็จะทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเริ่มหดหาย ทำให้ผิวพรรณขาดความยืดหยุ่น ไม่เปล่งปลั่งและมีน้ำมีนวลเหมือนเคย

ดังนั้น การงดน้ำตาล หรือหลีกเลี่ยงการกินของหวานจำพวกลูกอม ขนมเค้ก ไอศครีม หรืออาหารประเภทใดก็ตามที่มีส่วนผสมของน้ำตาล รวมไปถึงเครื่องประเภทชาใส่นม กาแฟใส่นม ก็จะช่วยให้คุณสาวๆ มีสุขภาพผิวที่แข็งแรง เต่งตึงและเปล่งปลั่งสดใสขึ้นได้

2.งดบริโภคไขมันทรานส์

ไขมันทรานส์ในอาหารประเภทต่างๆ นั้น เกิดจากการแปรรูปทำให้ย่อยสลายได้ยากกว่าไขมันชนิดอื่นๆ เมื่อร่างกายได้รับในปริมาณมากก็จะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างและกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระภายในร่างกายได้

ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัย แลดูไม่เต่งตึง สดใสเหมือนเคย ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่ากำลังบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์ เช่น ครีมเทียมสำหรับใส่กาแฟ, ขนมเค้กหรือเบเกอรี่ ก็ควรงดรับประทานจะดีต่อสุขภาพผิวพรรณมากที่สุด

3.ดื่มน้ำเยอะๆ

การดื่มน้ำเยอะๆ ในแต่ละวันจะช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นมากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยเริ่มต้นที่จะทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์กว่าวัย และไร้ริ้วรอยกวนใจอย่างได้ผล ดังนั้นสาวๆ ที่อยากมีสุขภาพผิวที่ดี สามารถชะลอวัยได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วหรือมากกว่า ก็จะช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้ชั้นผิวแลดูสุขภาพดีขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นแล้ว

4.ไม่เครียด

ความเครียดเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยบนผิวหน้าได้ง่าย ยิ่งคุณเครียดมากเท่าไหร่ รอยเหี่ยวย่นและรอยตีนกาก็จะมาเยือนคุณมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้คุณมีสุขภาพผิวพรรณอ่อนเยาว์กว่าวัยอยู่เสมอ

ควรลดความตึงเครียดลงและหันไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยเสริมสร้างความผ่อนคลาย เช่น ออกกำลังกาย, เล่นโยคะ, เดินเล่นนอกบ้าน, ดูหนังฟังเพลง หรืออาบน้ำอุ่นก่อนนอน ก็จะช่วยลดความตึงเครียดที่มีได้เป็นอย่างดี

5.เลือกรับประทานแป้งที่ไม่ขัดสี

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็จำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากขึ้น เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น

โดยอาหารที่แนะนำก็คือ แป้งที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวไรซ์เบอร์รี่, ขนมปังโฮลวีต ซึ่งแป้งเหล่านี้เป็นแป้งที่มีโครงสร้างซับซ้อน ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้า อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพผิวพรรณในช่วงที่อายุพ้น 30 มาแล้วอีกด้วย

6.เลือกรับประทานผัก-ผลไม้ที่มีรสชาติไม่หวาน

แม้ว่าผักและผลไม้มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การรับประทานผักและผลไม้ที่มีรสชาติหวานมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ อาจจะไม่ดีต่อสุขภาพของคนวัย 30+ เท่าไหร่ เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวพรรณได้ ดังนั้นควรเลือกรับประทานผักและผลไม้ให้หลากหลาย ไม่ควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีรสชาติหวานเกินไป

7.ออกกำลังกายด้วยการเวทเทรนนิ่ง

การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสาวๆ วัย 30+ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บที่อาจมาเยือน โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับคนวัยนี้ก็คือ การเวทเทรนนิ่ง หรือเน้นยกน้ำหนักเป็นหลัก

เพราะเป็นวิธีที่ดีในการเผาผลาญปริมาณไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย ทำให้สุขภาพผิวพรรณกระชับเต่งตึง ผิวเปล่งปลั่ง และมีน้ำมีนวลมากขึ้น

8.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการดูแลร่างกายของตัวเองในช่วงที่อายุเพิ่มมากขึ้น ก็คือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะถ้ายิ่งอดหลับอดนอนเป็นประจำ ก็จะทำให้สุขภาพผิวพรรณแย่ลงตามไปด้วย

โดยในช่วงที่คุณนอนหลับนั้น ผิวพรรณในส่วนต่างๆ จะเกิดการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออย่างเหมาะสม ดังนั้น หากคุณอดนอนบ่อยๆ ก็จะทำให้ผิวไม่ได้รับการเยียวยาตัวเองเท่าที่ควร จึงทำให้มีริ้วรอยหรือความเหี่ยวย่นมาเยือนได้ง่าย

9.เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันดี

ไขมันดีเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพผิว โดยคุณสามารถเลือกรับประทานไขมันดีได้จากอะโวคาโด, เนื้อปลา, น้ำมันมะกอก ฯลฯ หากรับประทานเป็นประจำก็จะช่วยให้สุขภาพผิวเปล่งปลั่ง สดใส มีความยืดหยุ่นแข็งแรงมากขึ้น

10.รับประทานโปรตีนให้มากขึ้น

อีกหนึ่งสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในการชะลอวัยก็คือ โปรตีน ซึ่งพบได้จากเนื้อสัตว์, ไข่, นม, ถั่วและธัญพืชต่างๆ โดยโปรตีนถือเป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยให้ลดอัตราการเสื่อมสภาพของผิว และซ่อมแซมผิวในส่วนที่สึกหรอให้กลับมามีสุขภาพที่ดีมากขึ้นได้

นอกจากวิธีชะลอวัยดังที่เราแนะนำไปเบื้องต้นแล้ว สาวๆ ควรทาครีมบำรุงที่มีคุณสมบัติช่วยชะลอริ้วรอย และลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยด้วย โดยควรเลือกครีมที่เหมาะสมกับสาววัย 30 พร้อมกันนี้ก็ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

และควรหลีกเลี่ยงแสงแดดหรือมลภาวะต่างๆ ที่เป็นปัจจัยทำให้ผิวร่วงโรยเร็วด้วยจะดีที่สุด และหากว่างๆ ก็ควรสครับผิวและพอกผิวกันบ้าง ทำเป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถชะลอวัยให้เป็นสาวสองพันปีได้อย่างไม่ยากเย็นแล้วค่ะ

เกิดอะไรขึ้นกับผิวเมื่อคุณล้างหน้า 6 ขั้นตอนนี้จะทำให้คุณมองเห็นภาพชัดขึ้น

สาเหตุของการเกิดสิว หลักๆ ก็มาจากการล้างหน้าไม่สะอาดหรือล้างหน้าไม่ถูกวิธีนั่นเอง โดยเฉพาะสาวๆ ที่แต่งหน้าเป็นประจำทุกวัน

หากล้างหน้าอย่างไม่สะอาดหมดจด ปัญหาสิวอุดตันก็จะตามมาติดๆ แน่นอน วันนี้เราจึงจะพาคุณไปดูสภาพผิวหน้าในแต่ละขั้นตอนของการล้าง

ตั้งแต่การเริ่มเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่งออยล์ ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายว่าผิวหน้าผ่านกระบวนการอย่างไร และมีสิ่งสกปรกตกค้างในช่วงไหนของการล้างบ้าง

เพื่อให้คุณมองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่า การล้างในขั้นตอนใดควรให้ความสำคัญมากที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วก็เรียกว่าสำคัญทุกขั้นตอนเลยก็ว่าได้

ดังนั้น เพื่อสภาพผิวหน้าที่สวยใสไร้สิว หากคุณได้มองเห็นภาพตามนี้แล้ว รับรองค่ะว่าต่อไปคุณจะใส่ใจกับการล้างหน้าอย่างพิถีพิถันยิ่งขึ้นแน่นอน

1.ผิวก่อนล้างเครื่องสำอาง

โดยปกติแล้ว ผิวหน้าจะแบ่งออกเป็น 2 ชั้นใหญ่ๆ คือพื้นผิวหน้าจริงที่อยู่ภายใต้ชั้นผิวซึ่งมีเครื่องสำอางทาทับไว้อยู่ กับผิวที่เป็นชั้นของเครื่องสำอาง

ซึ่งผิวสองส่วนดังกล่าวจะมีความมันส่วนเกินปะปนรวมกัน และมีสิ่งสกปรกต่างๆ ซึ่งในระหว่างทั้งสองชั้นนี้ก็จะมีสิวเสี้ยนแทรกตัวอยู่ด้วย

โดยเกิดมาจากการอุดตันของรูขุมขนบนผิวหน้าจริงจากชั้นของเครื่องสำอาง ทำให้เมื่อใดก็ตามที่คุณล้างเครื่องสำอางออกไม่สะอาดหมดจด รูขุมขนก็จะเกิดการอุดตันและทำให้ผิวหน้าเกิดสิวตามมา

2.ผิวในช่วงที่สัมผัสน้ำครั้งแรก

เมื่อผิวได้สัมผัสน้ำในช่วงแรกของการล้างหน้า น้ำก็จะชะล้างสิ่งสกปรกที่อยู่บนพื้นผิวชั้นบนสุดให้หลุดออกไป และชะล้างเครื่องสำอางบางส่วนให้หลุดออกตามไปด้วย

แต่ก็ยังไม่สามารถขจัดคราบเครื่องสำอางให้หลุดออกไปได้อย่างหมดจดในคราวเดียวได้ ดังนั้น หากคุณแต่งหน้าหนามากการใช้น้ำเปล่าล้างหน้าเพียงครั้งเดียว ย่อมไม่สามารถกำจัดคราบสิ่งสกปรกออกได้หมดแน่นอน

ก็จะเกิดปัญหาสิวอุดตัน อันเนื่องจากคราบเครื่องสำอางยังคงตกค้างอยู่ในรูขุมขนจนก่อให้เกิดปัญหาสิวดังกล่าว

3.ผิวหน้าในช่วงที่ทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่งออยล์

ผิวหน้าในช่วงที่เช็ดทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่งออยล์จะสามารถดึงเอาสิ่งสกปรกออกไปได้มากขึ้น และชำระคราบผิวเครื่องสำอางออกไปได้ส่วนหนึ่ง

แต่ก็ยังคงทิ้งสิ่งสกปรกภายในเอาไว้ เพราะยังไม่ได้ทำความสะอาดอย่างหมดจดล้ำลึกในขั้นตอนต่อไป

4.ผิวหน้าในช่วงล้างด้วยน้ำเปล่าหลังเช็ดด้วยคลีนซิ่งออยล์

หลังจากเช็ดด้วยคลีนซิ่งออยล์ไปแล้ว การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งจะช่วยทำให้คราบความมัน สิ่งสกปรกต่างๆ และเครื่องสำอางหลุดออกจากผิวหน้าได้อย่างเกลี้ยงเกลามากขึ้น

แต่ก็ยังไม่สะอาดหมดจดจากชั้นเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกส่วนเกินอยู่ดี

5.ผิวหน้าช่วงที่ใช้โฟมล้างหน้าหรือสบู่ฟอกทำความสะอาด

หลังจากล้างน้ำเปล่าแล้ว ขั้นตอนสำคัญในการขจัดสิ่งสกปรกต่างๆ บนใบหน้าก็คือ การใช้โฟมล้างหน้าหรือสบู่สำหรับล้างหน้าทำความสะอาดอีกครั้ง ด้วยการขัดถูให้ทั่วทุกจุดบนใบหน้าที่มีเครื่องสำอางหรือความมันส่วนเกินเกาะติดอยู่

ซึ่งในขั้นตอนนี้ ชั้นผิวที่เป็นเครื่องสำอางจะหลุดออกไป แล้วไปจับตัวรวมกับเนื้อฟองโฟมที่กำลังฟอกผิว

6.ผิวหน้าช่วงล้างด้วยน้ำเปล่าหลังฟอกด้วยโฟมหรือสบู่

ขั้นตอนสุดท้ายของการล้างหน้าคือ การล้างด้วยน้ำเปล่าหลังจากขัดถูด้วยโฟม เนื่องจากขั้นตอนก่อนหน้านั้นคราบสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางได้หลุดออกไปพร้อมกับการฟอกถูด้วยโฟมแล้ว

การล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดปิดท้ายอีกครั้ง ย่อมทำให้ผิวกลับมาสะอาดเกลี้ยงเกลา และปราศจากสิ่งสกปรกตกค้างได้อย่างมากขึ้น ส่งผลทำให้สภาพผิวหน้าเนียนใส

แต่หากส่องกระจบแล้วพบว่าผิวหน้ายังแลดูหมองไม่สว่างใส นั่นหมายความว่าคุณอาจจะล้างสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางออกไปไม่หมด

เมื่อได้ทราบสภาพผิวในแต่ละขั้นตอนของการล้างหน้าไปแล้ว จากนี้ไปสาวๆ ก็ควรใส่ใจพิถีพิถันเรื่องการทำความสะอาดผิวอย่างหมดจดมากขึ้น

โดยเฉพาะคนที่แต่งหน้าบ่อยๆ ควรเริ่มทำความสะอาดด้วยการเช็ดเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่งออยล์ โดยใช้แผ่นสำลีเช็ดจนกว่าสำลีจะขาวสะอาด

จากนั้นล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าปกติ และตามด้วยน้ำเปล่ ขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าคุณทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกหมดจดจริงๆ อาจจะเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์อีกทีก็ได้ เพียงเท่านี้ผิวหน้าก็จะสะอาดใส ไร้สิวได้แล้วค่ะ

10 วิธีดูแลผิวแบบง่ายๆ ที่ผู้หญิงผิวสวย ทำเป็นประจำ

ผู้หญิงกับความสวยความงามเป็นสิ่งที่เกิดมาควบคู่กัน โดยเฉพาะเรื่องของผิวพรรณที่จะต้องดูแลใส่ใจอย่างดีตั้งแต่หัวจรดเท้า

วันนี้สำหรับผู้หญิงคนไหนที่อยากมีผิวสวย เราก็มี 10 สิ่งที่ผู้หญิงผิวสวยมักทำเป็นประจำมาฝาก เพื่อให้คุณเลือกนำไปปฏิบัติตามอยู่เสมอ ว่าแต่จะต้องดูแลผิวอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

1.ศึกษารายละเอียดของส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ใช้

ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหรือแม้แต่เครื่องสำอางที่ใช้สำหรับแต่งหน้าก็ตาม หากใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโดยไม่ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับส่วนผสมต่างๆ ที่มีอยู่ ก็อาจจะส่งผลเสียในระยะยาวต่อผิวหน้าของคุณได้

เพราะเครื่องสำอางบางชนิดอาจจะมีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งคุณสาวๆ อาจจะเกิดอาการแพ้สารเหล่านั้นได้นั่นเอง

2.ล้างเครื่องสำอางก่อนเข้านอนทุกครั้ง

ด้วยความขี้เกียจจึงมักจะทำให้ผู้หญิงหลายคนเผลอเข้านอนโดยที่ไม่ได้ล้างหน้า ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหารูขุมขนอุดตันจากเครื่องสำอางที่ฝังตัวอยู่ นำมาซึ่งปัญหาสิวอุดตันและปัญหาผิวอื่นๆ

โดยเฉพาะการมีผิวหน้าหมองคล้ำ และเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นเร็ว ดังนั้น จึงควรเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดจด แล้วล้างหน้าให้สะอาดก่อนนอนจะดีกว่า

3.ลด ละ เลิก อาหาร Junk Food

อาหาร Junk Food ที่มีไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อรับประทานมากๆ เข้า ก็จะส่งผลเสียต่อผิวหน้าของคุณสาวๆ ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผิวเกิดความมันมากขึ้น นำมาซึ่งปัญหาสิวและรูขุมขนอุดตัน

ดังนั้น จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงการกินอาหารประเภทดังกล่าว แล้วหันมากินผักผลไม้และดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อเติมเต็มผิวสวยจากภายในจะดีที่สุด

4.มาส์กหน้าทุกสัปดาห์

การดูแลผิวหน้าด้วยการมาส์กหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวหน้าของคุณได้ ถือเป็นตัวช่วยที่ดีและง่ายที่สุด ซึ่งผู้หญิงทุกคนสามารถทำได้ด้วยคุณตัวเอง

5.ขัดหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

การขัดหน้าหรือสครับผิวหน้าจะช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออก ช่วยเผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสมากขึ้น ปัญหาผิวหมองคล้ำก็จะลดลง ดังนั้น จึงควรขัดหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

6.เปลี่ยนปลอกหมอนทุก 3-4 วัน

ปลอกหมอนที่ใช้ไปนานๆ อาจจะเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งเมื่อสัมผัสถูกผิวหน้านานวันเข้า ก็จะทำให้เกิดปัญหาสิวตามมา ดังนั้น จึงควรเปลี่ยนปลอกหมอนอย่างน้อยทุกสัปดาห์จะดีที่สุด

7.ใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ

หากจำเป็นต้องเลือกใช้เซรั่มบำรุงผิวหน้า ควรเลือกใช้เซรั่มชนิดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นส่วนประกอบ ซึ่งถือเป็นอาหารผิวสำคัญที่เหมาะกับการซ่อมแซมและฟื้นฟูปัญหาต่างๆ บนผิวหน้านั่นเอง

8.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกาย นอกจากจะทำให้สรีระของสาวๆ ฟิตแอนด์เฟิร์มมากขึ้นแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้

9.ดื่มน้ำให้เพียงพอ

เมื่อร่างกายขาดน้ำจะส่งผลทำให้ผิวพรรณแห้งกร้านและเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้เร็ว ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำสะอาดให้วันละ 8-10 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งกระจ่างใส

10.หมั่นปรนนิบัติผิวให้เป็นกิจวัตรประจำวัน

สร้างความเคยชินให้กับตัวเองใหม่ ด้วยการหมั่นปรนนิบัติ โดยดูแลผิวให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ด้วยการล้างหน้าให้สะอาด ทาครีมบำรุงผิวเช้าเย็นอย่างสม่ำเสมอ และทาครีมกันแดดก่อนออกแดด การดูแลผิวเป็นประจำจะช่วยซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพให้กลับมาสดใสได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นี่คือ 10 สิ่งที่ผู้หญิงผิวสวยมักทำเป็นประจำ เป็นวิธีดูแลผิวง่ายๆ ทำได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินแพงๆ เพื่อไปพึ่งมีดหมอ หรือทำเลเซอร์เจ็บๆ เลยแม้แต่น้อย

แค่สาวๆ ปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวนี้เป็นประจำ รับประกันได้ว่าผิวพรรณของคุณจะสวย เต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัยได้อีกครั้งแน่นอน

5 เคล็ดลับสวยดูดีไม่ต้องมี Makeup โชว์หน้าสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติ

หากพูดถึงวิธีทำให้ใบหน้าสวยโดดเด่นในแต่ละวันแบบทันใจ ก็ย่อมหนีไม่พ้นการประโคมเครื่องสำอางเข้าไปเพื่อปกปิดริ้วรอยความหมองคล้ำ และช่วยเสริมแต่งให้ใบหน้าดูสวยขึ้นทันตาเห็น

แต่การใช้เครื่องสำอางหนักๆ บนผิวหน้าในระยะเวลานาน ก็อาจจะส่งผลเสียให้กับผิวพรรณของคุณได้ โดยอาจทำให้เกิดสิวและริ้วรอยตามมาง่ายขึ้น

วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับที่จะช่วยให้ผิวสวยสดใสอย่างเป็นธรรมชาติดีได้โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางมาฝาก ต้องทำอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ

1.ใช้ครีมกันแดด แทนครีมรองพื้น

หากจำเป็นจะต้องแต่งหน้าเพื่อปกปิดริ้วรอยและเพิ่มความสว่างให้กับใบหน้า ลองเปลี่ยนจากครีมรองพื้นหนาๆ
มาเป็นครีมกันแดดผสมสารกันแดดเนื้อบางเบาดีๆ สักตัว ก็คงจะดีไม่น้อย

เพราะนอกจากใบหน้าของคุณจะได้พักซ่อมแซมตัวเองจากการถูกโบกด้วยครีมหนาๆ แล้ว ครีมกันแดดบางตัวในปัจจุบันนี้ก็ยังมีคุณสมบัติไม่ต่างจากรองพื้นซึ่งสามารถใช้แทนกันได้ ซึ่งจะมาพร้อมความบางเบาและสารบำรุงที่ใช้แล้วให้ผลดีต่อผิวหน้ามากกว่า

2.สวยได้ด้วยวิตามินซี

วิตามินซี เป็นสารสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ช่วยในการซ่อมแซมผิวพรรณที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึง สดใสขึ้นมาได้อีกครั้ง

ดังนั้นหากกำลังมองหาอาหารบำรุงดีๆ ที่จะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แนะนำให้หันมากินอาหารที่ให้วิตามินซีอย่างเพียงพออย่างผลไม้รสเปรี้ยวที่เป็นแหล่งของวิตามินซีสูง หรือหากไม่มีเวลา จะหาอาหารเสริมวิตามินซีมากินบำรุงก็ช่วยได้เช่นกัน

3.หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสผิวหน้าโดยตรง

สาเหตุหลักที่ผิวหน้าเกิดสิวและริ้วรอยก่อนวัย ส่วนใหญ่มาจากความคุ้นชินในการใช้มือสัมผัสกับผิวหน้าโดยตรงเป็นประจำ
หากคุณจำเป็นจะต้องสัมผัสใบหน้าด้วยมือจริงๆ ควรสัมผัสด้วยความนุ่มนวล อ่อนโยน และมือจะต้องล้างสะอาดก่อนดีแล้วเท่านั้น

เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกที่ติดกับมือไปเปรอะเปื้อนผิวหน้าจนเกิดสิวด้วยนั่นเอง เพียงเท่านี้หน้าก็จะใส ไร้สิว และห่างไกลจากปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาได้ด้วย

4.ใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอลฮอลล์

การใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดผิว หลายคนคงคิดว่าเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการทำความสะอาดที่ดีที่สุด การเลือกใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์อาจเป็นทางออกที่ดี แต่จริงๆ แล้วนั่นถือเป็นสาเหตุที่ส่งผลเสียต่อหน้าได้อย่างโดยตรง

เพราะแอลกอฮอล์จะยิ่งก่อทำให้ผิวแห้งตึงยิ่งขึ้น ทางที่ดีควรเลือกใช้โทนเนอร์สูตรไร้แอลกอฮอลล์เพื่อลดปัญหาการระคายเคือง เพราะเมื่อผิวหน้ายิ่งแห้ง น้ำมันหล่อเลี้ยงผิวก็จะผลิตออกมามากขึ้น ส่งผลทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนจนทำให้เกิดสิวได้

5.สครับผิวหน้าสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

การสครับผิวหน้า เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ผิวกระจ่างใสเรียบเนียน เพราะการสครับผิวแต่ละครั้งนั้น เซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วจะถูกผลัดออกจากชั้นผิวไปด้วย

รวมไปถึงคราบความสกปรกที่ฝังตัวอยู่บนผิวหน้าก็จะถูกกำจัดออกไปด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวเก่า

แต่ควรหมั่นทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ด้วยเม็ดสครับที่อ่อนโยนต่อผิว เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ผิวขาวกระจ่างใสจนคุณสัมผัสได้

หากอยากมีผิวหน้าสวยกระจ่างใสเปล่งปลั่งโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอาง ลองนำเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ รับรองได้ว่าหากทำ เป็นประจำแล้ว สาวๆ จะต้องเกิดความมั่นใจในการโชว์หน้าสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าการลงเมคอัพหนาๆ แน่นอนค่ะ

10 ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก เพื่อความสวยความงาม จากธรรมชาติ

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนก็คงมีน้ำมันมะกอกติดบ้านไว้เสมอ เพราะน้ำมันมะกอกถือเป็นไอเท็มเด็ดที่จะช่วยเสริมความงามได้อย่างหลายด้าน

แต่หากคุณยังไม่รู้ว่าประโยชน์ของน้ำมันมะกอกจะมีดีต่อความสวยความงามอย่างไรบ้าง

วันนี้เราก็มี 10 ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกมาฝากกัน เพื่อให้คุณสาวๆ ได้นำไปลองประยุกต์ใช้กันดู แล้วคุณจะรู้ว่าน้ำมันมะกอกมีดีมากกว่าที่คิด!

1.ช่วยบำรุงและเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผม

หากคุณกำลังประสบปัญหาเส้นผมแตกปลาย ให้หมักผมด้วยน้ำมันมะกอกก่อนสระเป็นประจำ เพียงเท่านี้เส้นผมคุณก็จะได้รับการฟื้นบำรุงให้กลับมาสุขภาพดี
ช่วยลดการแห้งแตกปลายได้ผล และยังทำให้ผมสวยเงางามอีกครั้ง

2.ช่วยเช็ดคราบเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด

ใช้สำลีชุบน้ำมันมะกอกนวดคลึงเพื่อทำความสะอาดคราบเครื่องสำอางบนผิวหน้า ทั้งบริเวณแก้ม และเปลือกตานอกจากจะสามารถเช็ดล้างเครื่องสำอางออกอย่างหมดจดแล้วน้ำมันมะกอกยังทำหน้าที่ช่วยบำรุงผิวหน้าไม่ให้แห้งกร้านหลังทำความสะอาดอีกด้วย

3.ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว

ให้ใช้น้ำมันมะกอกนวดคลึงบริเวณผิวหนังที่หย่อนคล้อย เช่น หน้าท้องหรือต้นแขน อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะสามารถช่วยทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยนั้นเกิดความเต่งตึงขึ้นได้ แถมยังช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นและช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้อย่างเห็นผล

4.ช่วยให้การโกนขนเป็นไปง่ายดายยิ่งขึ้น

ก่อนที่คุณจะโกนขนบริเวณช่วงขา ให้ชโลมน้ำมันมะกอกจนทั่ว จากนั้นจึงค่อยๆ ลงมือโกนอย่างเบามือ วิธีนี้จะช่วยลดอาการเสียดสีจนผิวระคายเคืองในระหว่างที่กำลังโกนขนได้เป็นอย่างดี

5.ช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรงสดใส

น้ำมันมะกอก ช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรงและสวยเงางามอย่างมีสุขภาพดีได้ เพียงจุ่มมือหรือปลายนิ้วลงในน้ำมันมะกอกอย่างน้อย 10 นาที ทำแบบนี้อาทิตย์ละครั้ง รับรองได้ว่าเล็บจะสวยสดใส แข็งแรง และลดปัญหาเปราะหักง่ายอย่างได้ผล

6.ช่วยบำรุงริมฝีปากให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น

ริมผีปากที่แห้งแตก เป็นขุย สามารถแก้ไขได้ด้วยการนำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมันมะกอกมาทาลงบนริมฝีปากก่อนนอนทุกวัน วิธีนี้จะช่วยเสริมสร้างความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากของคุณสาวๆ ให้กลับมาอวบอิ่มและสวยอย่างเป็นธรรมชาติ

7. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ไร้ความแห้งกร้าน

สาวๆ สามารถใช้น้ำมันมะกอกแทนมอยส์เจอไรเซอร์ในการบำรุงผิวในแต่ละวันได้ โดยเฉพาะคนที่มีผิวแห้งกร้าน เพราะน้ำมันมะกอกมีวิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยเติมเต็มน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวได้อย่างล้ำลึก แนะนำให้ชโลมผิวด้วยน้ำมันมะกอกก่อนนอนเป็นประจำ ผิวพรรณของสาวๆ ก็จะกลับมาชุ่มชื้นได้อีกครั้งแน่นอน

8.ช่วยบำรุงส้นเท้า

น้ำมันมะกอก ยังสามารถช่วยรักษาปัญหาส้นเท้าแตกได้ โดยให้นำน้ำมันมานวดบริเวณส้นเท้าที่แตกประมาณ 15 นาที โดยไม่ต้องล้างออก ทำเป็นประจำทุกวัน ส้นเท้าที่แตกและแห้งกร้านจะค่อยๆ เนียนนุ่มชุ่มชื้น ปัญหาส้นเท้าแตกจะหมดไป

9.ช่วยแก้ปัญหารอยแผลเป็น

นำน้ำมันมะกอกมาทาลงบนรอยแผลเป็น แล้วค่อยๆ นวดอย่างเบามือประมาณ 5 นาที จากนั้นให้ทิ้งเอาไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก แร่ธาตุต่างๆ ในน้ำมันมะกอกจะช่วยให้รอยแผลเป็นต่างๆ จางลงได้

10.มาส์กบำรุงผิวหน้า

น้ำมันมะกอกสามารถนำมาใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่างๆ เพื่อนำมามาส์กหน้าได้ เช่น ผสมกับทานาคาหรือขมิ้น แล้วมาส์กหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที หากทำเป็นประจำก็จะช่วยแก้ปัญหาความหมองคล้ำได้ หรือผสมกับไข่แดงก็จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้

จะเห็นได้ว่าแค่มีน้ำมันมะกอกขวดเดียวก็สามารถทำให้คุณสวยได้ครบจบในคราวเดียว ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกสามารถนำมาปรนนิบัติความสวยความงามได้ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแบบนี้

จากนี้ใครที่ยังไม่มีน้ำมันชนิดนี้ติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้ ต้องรีบหาซื้อมาไว้ใช้กันโดยด่วนเลย รับรองว่าหากใช้เป็นประจำ คุณจะได้ความสวยในราคาประหยัดจนใครๆ ก็ต้องอิจฉาแน่นอนค่ะ 🙂

รักษาปัญหารังแคที่ต้นเหตุ

รังแค ปัญหาธรรมดาที่แทบจะพบได้ในทุกเพศทุกวัย

แต่โดยส่วนมากแล้วเพศชายจะมีรังแคมากกว่าเพศหญิงเพราะว่าฮอร์โมนเพศชายมักจะส่งผลให้เกิดการหลั่งไขมันที่มากเกิน และรังแคมักจะเริ่มพบได้ตั้งแต่วัยเจริญพันธ์ถึงผู้สูงอายุ

บางรายเป็นรังแคตลอดชีวิตก็มี Continue reading

เบคกิ้งโซดา(Baking Soda) กับประโยชน์ด้านความงาม

เบคกิ้งโซดา (ฺBaking Soda) ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนผสมในการทำขนมเท่านั้น หลายๆคนอาจจะไม่รู้ว่าประโยชน์ของอื่นๆของเบกกิ้งโซดานั้นมีอยู่มากมายจนแทบไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

ยิ่งสำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลายแล้วประโยชน์ของเบคกิ้งโซดาในเรื่องความสวยความงามแล้วด้วยละก็ Continue reading

5 พฤติกรรมทำคุณให้แก่ก่อนวัย

แม้ว่าเรื่องของความแก่จะเป็นเรื่องที่หลายคนเกลียดและอยากจะหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุด โดยเฉพาะกับคุณสาวๆ แต่กลับมีคนจำนวนไม่น้อยที่กลายเป็นเร่งให้ความแก่มาถึงตัวเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

ว่าจะมีพฤติกรรมอะไรหรือแบบไหน Continue reading

4 ประโยชน์ของมะนาว เพื่อความงาม

มะนาว เป็นพืชสวนครัวที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของคนไทยเรา

ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีเอาไว้เพื่อเพิ่มรสเปรี้ยวให้กับอาหารเท่านั้น มะนาวยังมีสรรพคุณต่างๆทั้งในทางยารวมทั้งสามารถนำมาใช้เพื่อความงามอีกด้วย Continue reading